ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)
Bookmark and Share

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กมธ.กฎหมาย สผ. หาทางช่วยผู้ประกอบการถูกโกงไม่ได้รับค่ารับเหมาโครงการบ้าน สปส.1506

 

 

 

กมธ.กฎหมาย สผ. หาทางช่วยผู้ประกอบการถูกโกงไม่ได้รับค่ารับเหมาโครงการบ้าน สปส.1506

30 ก.ค. 52               ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เผย พบข้อบกพร่องในโครงการบ้าน สปส.1506 พระสมุทรเจดีย์ ตำบลบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ของสำนักงานประกันสังคม พร้อมเตรียมลงพื้นที่จริง 3 ส.ค. นี้

                นายประชา  ประสพดี ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร  ให้สัมภาษณ์ภายหลังเชิญเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กรรมการผู้จัดการบริษัท ไชน่า ไห่ปิน คอนสตรั๊คชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด และนายสมศักดิ์  กรสวัสดิ์ ซึ่งได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีไม่ได้รับค่าจ้างตามสัญญาว่าจ้าง การถมดินบ้าน จำนวนเงินประมาณ 20 ล้านบาท ในโครงการบ้าน สปส.1506 พระสมุทรเจดีย์ ตำบลบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ของสำนักงานประกันสังคม โดยบริษัทไชน่า ไห่ปิน คอนสตรั๊คชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้รับสัมปทานดำเนินโครงการว่า โครงการดังกล่าวหละหลวมและมีข้อบกพร่อง เนื่องจากไม่ได้คุ้มครองหรือป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกันตนและบุคคลภายนอกเลย แต่กลับไปมุ่งเน้นให้สิทธิประโยชน์กับผู้รับเหมา และให้สิทธิประโยชน์กับผู้รับเหมา รวมทั้งไม่มีการประกวดราคาหรือจัดซื้อจัดจ้างแต่ประการใด แต่จัดจ้างโดยใช้มติของคณะกรรมการประกันสังคม ที่อนุมัติและออกหนังสือให้ โดยไม่มีสัญญาผูกมัด ดังนั้น กมธ.จะเดินทางไปดูสถานที่จริงในวันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม2552 เวลา 10.00 น. เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ถูกโกง ไม่ได้รับเงินจากการไปถมดินรับเหมาก่อสร้าง ก่อนจะทำการสรุปแล้วบันทึกเป็นมติเพื่อสรุปประเด็นนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมเพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป

    อัญชิสา  จ่าภา         ผู้สื่อข่าว 
 มันทนา  ศรีเพ็ญประภา         เรียบเรียง    

 

 ขอเชิญอ่าน blog.Thanks for visiting!  
http://www.parent-youth.net
http://ilaw.or.th
http://ww2.oja.go.th/home
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.projectlib.in.th
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.nstda.or.th/th
http://www.arda.or.th
http://www.nppdo.go.th
http://www.tlcthai.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.oknation.net/blog/assistance
http://weblogcamp2009.blogspot.com/

กมธ.มั่นคง แฉจัดซื้อซีซีทีวียุค "บิ๊กแอ้ด" สุดอัปยศ


กมธ.มั่นคง แฉจัดซื้อซีซีทีวียุค “บิ๊กแอ้ด” สุดอัปยศ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2552 16:41 น.
กมธ.ความมั่นคง แฉโครงการจัดซื้อซีซีทีวี สมัย นายกฯสุรยุทธ์ มีพิรุธ บริษัทส่งมอบไม่ทันกำหนดตามสัญญา แถมบริษัทเอกชนบอกเลิกสัญญารัฐถือเป็นการจัดซื้อที่อัปยศทั้งที่เป็นโครงการด้านความมั่นคงเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โยนนายกฯจัดการ
       
       วันนี้ (30 ก.ค.) ที่รัฐสภา นาย เจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการพิจารณาเรื่องการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ ซีซีทีวี ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า กรณีการติดตั้งซีซีทีวี ดำเนินการในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มี นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็น รมว.มหาดไทย งบประมาณ 965 ล้านบาท ซึ่งเริ่มทำสัญญากับบริษัทดิจิตอล รีเสิร์จ แอนด์ คอนสตรัคติ้ง จำกัด วันที่ 7 กันยายน 2550 กำหนดส่งมอบงานภายใน 420 วัน คือ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 แต่ปรากฏว่า ที่ผ่านมา มีการติดตั้งในบางพื้นที่คือ สงขลา หาดใหญ่ แต่ติดตั้งไม่เสร็จ และใช้การไม่ได้ กมธ.ได้เชิญสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และบริษัทดังกล่าว มาชี้แจงในการประชุมวันที่ 30 กรกฎาคม แต่บริษัทไม่มา โดยทำหนังสือแจ้งว่า บริษัทได้ทำหนังสือบอกเลิกสัญญายื่นต่อสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยแล้ว โดยอ้างว่า สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจรับงานของบริษัท
       
       “จุดนี้จึงผิดปกติ เพราะการบอกเลิกสัญญาที่เอกชนทำกับรัฐ ฝ่ายรัฐมักเป็นผู้บอกเลิกสัญญา แต่กรณีที่เกิดขึ้นเหตุใดบริษัทจึงเป็นผู้แจ้งบอกเลิกสัญญาซึ่งถือเป็นการผิดหลักตามระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง กมธ.จึงขอให้สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยกลับไปตรวจสอบว่า การบอกเลิกสัญญาจะมีผลหรือไม่ เพราะในสัญญา การบอกเลิกสัญญาฝ่ายเดียวทำไม่ได้ เรื่องนี้ยังมีเลศนัยในการเปลี่ยนจากการจัดซื้อจัดจ้างแบบอีอ๊อคชั่นมาเป็นวิธีพิเศษด้วย” นายเจะอามิง กล่าว
       
       นายเจะอามิง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 23 กรกฎาคม 52 บริษัทนี้ เคยมาร่วมประชุมกับกมธ.ขณะที่หนังสือบอกเลิกสัญญากลับลงวันที่ 22 กรกฎาคม 52 กมธ.จึงตั้งขอสังเกตว่า หากบริษัทบอกเลิกสัญญาแล้วเหตุใดจึงไม่แจ้ง แต่กลับมาประชุมกับ กมธ.อีก
       
       นายเจะอามิง กล่าวว่า สำหรับการพิจาณาโครงการ กมธ.เห็นตรงกันว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการใหญ่คอบคลุม 3 จังหวัดภาคใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา จำเป็นต้องมีบริษัทที่เคยมีผลงานวางระบบซีซีทีวีมาก่อน อีกทั้งความคืบหน้าของงวดงานแต่ละงวดไม่เป็นไปตามสัญญาจนทำให้บริษัทถูกปรับเงินวันละ 193,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันนี้เป็นจำนวน 40 กว่าล้านบาท เมื่อพิจารณาจากความตั้งใจของบริษัททำให้มองเห็นว่ายังขาดความตั้งใจอย่างแท้จริง ทั้งที่สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยได้จ่ายค่ามัดจำร้อยละ 10 ของโครงการหรือคิดเป็นเงิน 145 ล้านบาทไปแล้ว กมธ.เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ทั้งที่โครงการต้องเดินหน้าต่อไปทุกจังหวัดตามกำหนด จึงฝากสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยหาทางแก้ไขเรื่องนี้
       
       ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กล่าวอีกว่า กมธ.จะทำหนังสือไปถึงนายกรับมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้นำเรื่องการติดตั้งกล้องซีซีทีวีในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ มาพิจารณาและหาทางแก้ไข เพราะโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างมาก ต่อการนำไปใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ตลาดจนเพื่อรักษาชีวิตทรัพย์สินของประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ นอกจากนี้จะตามตรวจสอบต่อไป หากพบความไม่โปร่งใส จะยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ดำเนินการรวมถึงข้าราชการที่พ้นตำแหน่งไปแล้ว หากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
       
       นายเจะอามิง กล่าวว่า สำหรับการพิจาณาโครงการ กมธ.เห็นตรงกันว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการใหญ่คอบคลุม 3 จังหวัดภาคใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา จำเป็นต้องมีบริษัทที่เคยมีผลงานวางระบบซีซีทีวีมาก่อน อีกทั้งความคืบหน้าของงวดงานแต่ละงวดไม่เป็นไปตามสัญญาจนทำให้บริษัทถูกปรับเงินวันละ 193,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันนี้เป็นจำนวน 40 กว่าล้านบาท เมื่อพิจารณาจากความตั้งใจของบริษัททำให้มองเห็นว่ายังขาดความตั้งใจอย่างแท้จริง ทั้งที่สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยได้จ่ายค่ามัดจำร้อยละ 10 ของโครงการหรือคิดเป็นเงิน 145 ล้านบาทไปแล้ว กมธ.เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ทั้งที่โครงการต้องเดินหน้าต่อไปทุกจังหวัดตามกำหนด จึงฝากสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยหาทางแก้ไขเรื่องนี้
       
       ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กล่าวอีกว่า กมธ.จะทำหนังสือไปถึงนายกรับมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้นำเรื่องการติดตั้งกล้องซีซีทีวีในพื้นที่จังหวัดภาคใต้มาพิจารณาและหาทางแก้ไข เพราะโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างมากต่อการนำไปใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ตลาดจนเพื่อรักษาชีวิตทรัพย์สินของประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ นอกจากนี้จะตามตรวจสอบต่อไป หากพบความไม่โปร่งใสจะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ดำเนินการรวมถึงข้าราชการที่พ้นตำแหน่งไปแล้ว หากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000086382

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thanks for visiting!  
http://www.parent-youth.net
http://ilaw.or.th
http://ww2.oja.go.th/home
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.projectlib.in.th
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.nstda.or.th/th
http://www.arda.or.th
http://www.nppdo.go.th
http://www.tlcthai.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.oknation.net/blog/assistance
http://weblogcamp2009.blogspot.com/

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ส่อพิรุธ!! การซ่อมแซมโรงพิมพ์ พศ.ที่ถูกไฟไหม้

ส่อพิรุธ!! การซ่อมแซมโรงพิมพ์ พศ.ที่ถูกไฟไหม้

Pic_22732

ดร.อำนาจ บัวศิริ

แฉซ่อมแซมโรงพิมพ์ พศ.ที่ถูกเพลิงไหม้ส่อพิรุธ พบวันที่เปิดซองประมูลลงวันที่ 13 มี.ค. จากนั้นทำสัญญาจ้างวันที่ 16มี.ค. ทั้งนี้ทางหน่วยพัสดุทำหนังสือลงวันที่ 17 มี.ค.เพื่อขออนุมัติซ่อม ...

วานนี้ (28ก.ค.) ดร.อำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเพลิงไหม้โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติบริเวณถนน บำรุงเมือง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เมื่อวันที่ 11 มี.ค.นั้น ขณะนี้ทางโรงพิมพ์ได้รายงานสรุปให้คณะกรรมการโรงพิมพ์ พศ.รับทราบ มูลค่าความเสียหายแล้ว รวมเป็นเงิน 26,878,107.19 บาท แต่ทางบริษัทประกันจ่ายให้ 18,927,165 บาท และในเบื้องต้นได้ซ่อมแซมบางส่วนแล้ว

นายพีรพล กนกวลัยผู้จัดการโรง พิมพ์ พศ. กล่าวว่า การซ่อมแซมจะแล้วเสร็จทั้งหมดประมาณกลางเดือนสิงหาคม โดยใช้เงินประมาณ 6แสนบาท ซึ่งส่วนใหญ่ที่เสียหายจะเป็นเครื่องจักรและขณะนี้ได้มีการเทพื้นคอนกรีตใหม่ และทาสีภายในอาคารเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยได้เริ่มซ่อมแซมหลังเกิดเหตุประมาณ 20 วันเพราะต้องรอกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบหาสาเหตุของเพลิงไหม้ก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการซ่อมแซมอาคารโรงพิมพ์นั้นทางหน่วยพัสดุได้ทำหนังสือลงวันที่ 17 มี.ค.52เพื่อขออนุมัติการซ่อมแซมอาคารทั้ง 4 ชั้นและในวันเดียวกันก็ได้มีการเปิดซองประมูลราคาทันที โดยมี 3บริษัทที่เข้าร่วมการประมูลราคาซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าแต่ละบริษัทได้ส่ง ใบเสนอราคามาตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.ซึ่งทางหน่วยพัสดุยังไม่ได้ทำเรื่องขออนุมัติการซ่อมแซมอาคารแต่ อย่างใดและในวันดังกล่าวก็ได้มีการคัดเลือกบริษัทรายหนึ่งเป็นผู้รับงาน เพราะเสนอราคาต่ำสุดในราคา 235,000 บาทแต่ในสัญญาว่าจ้างกลับระบุว่าได้มีการทำสัญญากันตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.52โดยกำหนดว่าผู้รับจ้างจะต้องจัดหาแรงงานและวัสดุเครื่องมือเครื่อง ใช้และอุปกรณ์ต่างๆในการทำงานแต่ในสัญญาดังกล่าวกลับไม่มีการระบุวันสิ้นสุด การทำงานแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามในวันที่ 24 มิ.ย.ทางหน่วยพัสดุก็ได้ขออนุมัติซื้อสีน้ำและอุปกรณ์ก่อสร้างเพิ่มเติมอีก หลายรายการ ทั้งที่การซ่อมแซมอาคารเพิ่งผ่านไปประมาณ 3 เดือนเท่านั้น
http://www.thairath.co.th/content/edu/22732

ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com




แบ่งปันความทรงจำกับคนอื่นๆ ที่คุณต้องการทางออนไลน์ได้ คนอื่นๆ ที่คุณต้องการ

การประปารังสิต โค่นต้นพิกุล ร.5 วัดเขียนเขต พระอารามหลวง

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6816 ข่าวสดรายวัน


โวยผู้รับเหมาโค่นต้นพิกุลร.5




เมื่อวันที่ 27 ก.ค. พระราชปริยัตยาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และเจ้าอาวาสวัดเขียนเขต พระอารามหลวง แจ้งถึงสื่อมวลชนว่า มีชาวบ้านจำนวนมากได้โทรศัพท์แจ้งเข้ามาที่วัดและมาพบด้วยตนเอง ว่าที่ริมถนนรังสิต-นครนายก หน้าที่ว่าการอำเภอธัญบุรี ผู้รับเหมาของการประปารังสิต ใช้รถแบ๊กโฮขุดต้นพิกุลขนาดสองคนโอบทิ้งลงคลองรังสิตประยูรศักดิ์จำนวน 2 ต้น ซึ่งต้นพิกุลมีอายุเก่าแก่ร้อยกว่าปี ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเก้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสต้นมายังเมืองธัญบุรี และทรงปลูกต้นพิกุลไว้ 2 ต้น สมัยที่เสด็จฯ มาเปิดที่ว่าการจังหวัดธัญบุรี เป็นเวลามาถึง 107 ปี ทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นต่างไม่พอใจที่ใช้รถมาทำลายต้นไม้ประวัติศาสตร์ พระราชปริยัตยาภรณ์ จึงแจ้งไปที่พ.ต.ท.กฤษฎาพร ปานโปร่ง สวป.สภ.ธัญบุรี และนายสุรพงษ์ แก้วปาน นายอำเภอธัญบุรี ให้ไปตรวจสอบ

จากการตรวจสอบบริเวณที่ปลูกต้นพิกุลหน้าอำเภอติดกับพื้นที่โรงเรียนธัญวิทย์ พบต้นพิกุลขนาดใหญ่ถูกโค่นจนรากลอย ใบเริ่มแห้งเหี่ยว และอีกหนึ่งต้นถูกโค่นลงไปในคลองจนจมและต้นพิกุลได้ตายไปแล้ว พ.ต.ท.กฤษฎาพรเรียกคนขับรถแบ๊กโฮมาสอบถามดู ทราบว่าเป็นการวางท่อประปาของการประปารังสิต โดยได้ว่าจ้างให้บริษัทเอกชนมาขุดวางท่อตั้งแต่คลอง 13 มาจนถึงคลอง 4 และขณะนี้ได้วางมาถึงหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งได้ขุดต้นไม้ในแนววางท่อที่ผ่านมาออกไปหมด โดยมีต้นไม้เบญจพรรณทั่วไป โดยไม่รู้ว่าต้นพิกุลเป็นต้นไม้ที่รัชกาลที่ 5 ทรงปลูกไว้ จึงแจ้งให้ผู้รับเหมาทราบแล้ว และให้ดำเนินการล้อมต้นพิกุลไปอนุบาลก่อน และหลังวางแนวท่อหน้าศาลธัญบุรีเสร็จก่อนแล้วจะดำเนินการให้นำต้นไม้ขึ้นมา ซึ่งจะต้องจ้างรถเครนมายกต้นพิกุลขึ้นจากคลองรังสิต และมาชำอนุบาลไว้สักระยะหนึ่งเพื่อที่จะย้ายไปปลูกที่อื่นต่อ

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีต้นพิกุลที่รัชกาลที่ 5 ทรงปลูกไว้ ประกอบกับทางการประปารังสิตไม่เคยแจ้งมาทางอำเภอรับทราบเกี่ยวกับการวางแนวท่อประปา หากมีการแจ้งมาก็จะห้ามตัดเด็ดขาด และโดยเฉพาะต้นก้ามปูที่มีขนาดใหญ่ก็ถูกโค่นล้มไปหมดซึ่งต้นไม้เหล่านี้เขาได้ยึดริมถนนไม่ให้ถนนพังลงไปในคลองรังสิต โดยเฉพาะที่หน้าบ้านพักนายอำเภอพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเก้าเจ้าอยู่หัว ทรงปลูกต้นมะฮอกกานี และต้นไทร ซึ่งทุกวันนี้สร้างความร่มรื่นและมีนกต่างๆ มาอาศัยจำนวนมาก ส่วนเรื่องต้นพิกุลถ้าผู้รับเหมาไม่สามารถเพาะชำได้หรือต้นพิกุลตายไปก็จะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับเหมาต่อไป

หน้า 11

http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01EVXhNakk0TURjMU1nPT0=&sectionid=TURNek5RPT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB5T0E9PQ==

 
 




แบ่งปันความทรงจำกับคนอื่นๆ ที่คุณต้องการทางออนไลน์ได้ คนอื่นๆ ที่คุณต้องการ

ถล่มรมต.เยอรมันใช้รถหลวงเที่ยว ใช้เงินภาษีประชาชนอย่างสิ้นเปลือง อาศัยทั้งรถหลวงและคนขับรถราชการไปในเรื่องส่วนตัว

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6816 ข่าวสดรายวัน


ถล่มรมต.เยอรมันใช้รถหลวงเที่ยว




เอเอฟพีรายงานวันที่ 27 ก.ค. ว่า นางอูล่า ชมิดต์ รมว.สาธารณสุขเยอรมนี ตกที่นั่งลำบากให้ต้องอธิบายว่า เหตุใดจึงต้องขับรถยนต์จากกรุงเบอร์ลินไปไกลถึงเมืองคอสตา บลังกา ในสเปน ระยะทางถึง 2,653 กิโลเมตร ทั้งที่เป็นการใช้งบหลวง ซึ่งเรื่องนี้แดงขึ้นมา เนื่องจากรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ คันดังกล่าวถูกขโมยในสเปน

เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่กดดันพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย หรือ เอสพีดี ก่อนที่การเลือกตั้งจะมีขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า โดยนายจอร์จ เชียร์มเบก จากพรรคคริสเตียน เดโมแครต หรือซีดียู พรรคเดียวกับนางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เปิดฉากโจมตีทันที ว่า นางชมิดต์ใช้เงินภาษีประชาชนอย่างสิ้นเปลือง อาศัยทั้งรถหลวงและคนขับรถราชการไปในเรื่องส่วนตัว ทั้งยังเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังย่ำแย่

สำหรับผลการสำรวจความนิยมก่อนหน้านี้ พรรคเอสพีดีมีคะแนนไล่ตามพรรคซีดียู มาติดๆ

หน้า 7

http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TURObWIzSXdNekk0TURjMU1nPT0=&sectionid=TURNd05nPT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB5T0E9PQ==

 
 




แบ่งปันความทรงจำกับคนอื่นๆ ที่คุณต้องการทางออนไลน์ได้ คนอื่นๆ ที่คุณต้องการ

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) งบประมาณ 2.9 พันล้านบาท มีการจัดซื้อจัดจ้างเยอะมาก แถมยังเป็นการใช้จ่ายแบบที่เรียกว่า ยิบย่อย

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11462 มติชนรายวัน


ปภ.ต้นแบบของ"งบฯยิบย่อย"


คอลัมน์ เกาะติดงบ"53



กระทรวงมหาดไทย นอกจากจะมีงานหลักในการให้บริการประชาชนทั่วประเทศ ยังถือเป็นกระทรวงแห่งอำนาจ เพราะสามารถเป็นมือไม้ของรัฐบาล ในการช่วงชิงความได้เปรียบในทางการเมือง เนื่องจากทำงานใกล้ชิดกับประชาชนทั้งในราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และยังกำกับดูแลส่วนท้องถิ่น ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยแบบเจ้าขุนมูล นายกับไพร่

ที่สำคัญยังเกี่ยวพันในการใช้งบประมาณในทุกเรื่องและทุกพื้นที่ของประเทศที่เกี่ยวข้องกับคน ตั้งแต่เกิดยันตาย รวมถึงปัจจัย 4 อย่าง ที่ดิน ชีวิต ทรัพย์สิน ถนนหนทาง ทำให้กระทรวงนี้เป็นกระทรวงที่วุ่นวายที่สุดในการบริหารบุคคลโดยเฉพาะเมื่อเข้าฤดูกาลโยกย้ายข้าราชการ

คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 สัปดาห์นี้ เวียนมาถึงการพิจารณางบประมาณของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปีงบประมาณนี้ได้รับการจัดสรรจำนวน 1.85 แสนล้านบาท น้อยกว่าปีงบประมาณปี 2551 ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาช่วงต้นๆ กมธ.ก็ให้ผ่าน พรวดๆ โดยเฉพาะ กรมการปกครอง งบประมาณ 2.86 หมื่นล้านบาท ถือว่า เป็นหน่วยงานราชการที่ผ่านเร็วที่สุด ในการพิจารณาของ กมธ. ครั้งนี้ เพราะไม่มี กมธ.คนไหนซักถาม รวมแล้วใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ตามมาด้วยกรมพัฒนาชุมชน 3.3 พันล้านบาท

แต่เรื่องก็มาสะดุดอยู่ตรงที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) งบประมาณ 2.9 พันล้านบาท เมื่อพลิกดูเอกสารงบประมาณของ ปภ. พบว่า มีรายจ่ายเป็นงบฯลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับหน่วยงานราชการอื่นๆ ที่ งบฯลงทุน โดยส่วนใหญ่มีไม่มากนักเพราะไหลไปอยู่ในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งใช้เงินกู้นอกเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยเงินในส่วนนี้ ไปอยู่ในการจัดหาครุภัณฑ์ป้องกันและบรรเทาภัยสาธารณะ ได้แก่ รถดับเพลิง รถติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รถกู้ภัยสารเคมี ที่ตั้งเป็นงบฯผูกพันปี"52 และ 53 รวม 707 ล้านบาท

กมธ.จากพรรคเพื่อไทย หลายคน เล่นงานเรื่องการทำงานล่าช้า แก้ไขปัญหาน้ำท่วม ไฟไหม้ได้ไม่ทันท่วงที แถมคนยังไม่ค่อยรู้จัก ทำให้ประชาชนไปพึ่ง ส.ส. มากกว่า และไม่รู้จะตั้งงบฯผูกพันทำไม เพราะควรซื้อเท่าที่จำเป็น หากจะซื้อ เพิ่มก็ให้ดูสภาวะราคา ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่ ตั้งไว้ล่วงหน้าไปเบียดบังปีงบประมาณหน้า

นอกจากนี้ ยังมีรายการงบประมาณการจัดหารถดับเพลิงและอุปกรณ์กู้ภัย ให้แก่อำเภอใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งรถกวาดตะปูเรือใบ รถดับเพลิงขนาดกลาง รถบรรทุกน้ำสนับสนุนการดับเพลิง รวม 383 ล้านบาท ที่นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กมธ. สงสัยว่า จะไปซ้ำกับงบประมาณของกระทรวงกลาโหม หรือ ฝ่ายความมั่นคงอื่นๆ หรือไม่ ซึ่งฝ่ายราชการ ก็ได้แต่ชี้แจงว่า แบ่งแยกกันชัดเจน แต่หากพิจารณาถึงชื่อรายการรายจ่าย กมธ.หลายคนก็บ่นๆ ยังติดใจอยู่ดี ที่สำคัญ กมธ.สงสัยว่า อุปกรณ์ป้องกันสาธารณภัยทั้งหลาย เปลี่ยนบ่อยมาก มีรายละเอียดยุบยิบ แม้จะใช้เงินทองแต่ละรายการไม่มาก แต่ไม่ค่อยมีใคร ไปดู เพราะมันครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ประเทศ จึงเกรงว่า จะมีการ "กินน้อยๆ แต่กินนานๆ" เกิดขึ้น แต่สุดท้าย กมธ. ก็ให้ผ่านไปได้หลังจากทักท้วงพอเป็นพิธี

ถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่น่าจับตาในการติดตามการใช้เงินงบประมาณ เพราะมีการจัดซื้อจัดจ้างเยอะมาก แถมยังเป็นการใช้จ่ายแบบที่เรียกว่า ยิบย่อย ในทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ซึ่งยากแก่การตรวจสอบ

หน้า 11







ด้วย Windows Live คุณสามารถจัดการ แก้ไข และ แบ่งปันภาพถ่ายของคุณ

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"ประจวบ"โผล่ให้การดีเอสไอ"เมซไซอะ"เป็นตัวผ่านเงินให้แกนนำปชป. กลัวตายเปลี่ยนชื่อซุกตัวกับทหาร



วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 21:45:50 น.  มติชนออนไลน์

"ประจวบ"โผล่ให้การดีเอสไอ"เมซไซอะ"เป็นตัวผ่านเงินให้แกนนำปชป. กลัวตายเปลี่ยนชื่อซุกตัวกับทหาร

ประจวบ สังข์ขาว โผล่ให้การเพิ่มดีเอสไอ เผย "เมซไซอะ" เป็นตัวผ่านเงินตามคำสั่งแกนนำปชป. กลัวเป็นอันตรายต่อชีวิตเปลี่ยนชื่อ ซ่อนตัวอยู่กับนายทหารนอกราชการ

"ประจวบ"ดอดให้ปากคำดีเอสไอ


ความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนสำนวนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งให้ตรวจสอบการรับเงินของ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)จำนวน 258 ล้านบาท จาก บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ไปใช้ในการเลือกตั้งปี 2548 รวมทั้งการนำเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนในปี 2548 จำนวน 29 ล้านบาท ไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งจะครบกำหนดในสิ้นเดือนกรกฎาคม ก่อนที่ กกต.ชุดใหญ่จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาต่อไปนั้น

 

ล่าสุดนายประจวบ สังข์ขาว อดีตผู้บริหาร บริษัท เมซไซอะฯ ได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง และดีเอสไอได้สรุปการให้ปากคำของนายประจวบ ส่งมอบให้ กกต.แล้วเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา


ข่าวแจ้งว่า นายประจวบได้เปลี่ยนชื่อเป็น "คณาปติ" โดยให้เหตุผลว่า หลังจากมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว หวั่นจะเกิดอันตรายต่อชีวิต และต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในความดูแลของนายทหารนอกราชการคนหนึ่งตลอดเวลา


นายประจวบให้การยอมรับว่า เป็นคนลงนามในการทำธุรกรรมเพียงคนเดียว พร้อมระบุว่า การโอนเงินของบริษัททีพีไอฯเข้ามายังบริษัท เมซไซอะฯ ไม่ใช่เป็นการทำธุรกรรมกับบริษัท แต่เป็นการอาศัยบัญชีของบริษัท เมซไซอะฯในการผ่านเงินไปยังแกนนำคนสำคัญของ ปชป.เท่านั้น


ยัน 9 สัญญาไม่ได้ทำธุรกรรม


นายประจวบยังยอมรับด้วยว่า บริษัททีพีไอฯทำสัญญาว่าจ้างบริษัท เมซไซอะฯ ในการจัดทำสื่อโฆษณาและที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ 8 โครงการ จำนวน 9 สัญญาจริง แต่มิได้มีการทำธุรกรรมจริงตามสัญญาว่าจ้าง เพราะไม่เคยรู้จักและไม่เคยประกอบธุรกิจร่วมกันกับบริษัททีพีไอ รวมทั้งนายประชัยมาก่อน แต่เหตุที่เข้าไปเกี่ยวข้องเพราะมีบุคคลที่เกี่ยวพันกับ ปชป.อย่างน้อย 2 คน เป็นผู้ติดต่อให้ดำเนินการ


"เช็คทุกฉบับที่สั่งจ่ายบริษัทเมซไซอะฯผมจะเป็นผู้เบิก ถอน โอนเงินออกไปให้แก่กลุ่มบุคคลต่างๆ ตามที่แกนนำ ปชป.กำหนด ซึ่งเงินส่วนใหญ่ไม่ได้นำมาใช้ในการดำเนินการตามสัญญาว่าจ้าง มีเพียงนำไปทำป้ายบิลบอร์ดบางส่วนเท่านั้น" นายประจวบกล่าวอ้างในคำให้การ


ข่าวแจ้งว่า จากเอกสารข้อสรุปของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ที่มอบให้ กกต. ยังระบุด้วยว่า พบมีการทำธุรกรรมการโอนเงินให้กลุ่มบุคคลต่างๆ 4 กลุ่ม คือ

 

1.กลุ่มนายประจวบและเครือญาติ จำนวน 12 คน มูลค่า 155,617,600 บาท

 

 

กลุ่มที่ 2 กลุ่มบุคคลใกล้ชิดนายธงชัย คลศรีชัย และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 2 คน มูลค่า 33,728,000 บาท

 

และกลุ่มที่ 3 กลุ่มบุคคลใกล้ชิดนายนิพนธ์ บุญญามณี จำนวน 9 คน มูลค่า 46,404,620 บาท

 

 

และกลุ่มสุดท้าย กลุ่มบริษัท ห้างร้าน และบุคคลที่ทำธุรกรรมกับบริษัท เมชไซอะฯ มูลค่า 42,515,705 บาท


ส่วนใหญ่แค่จัดทำป้ายให้


คำให้การของนายประจวบยืนยันว่า กลุ่มที่ 1,2 และ 3 เป็นการโอนเงินไปตามคำสั่งของแกนนำ ปชป. โดยไม่มีการทำธุรกรรมจริงตามสัญญา ขณะที่กลุ่มที่ 4 มีการทำธุรกรรมจริงกับบริษัท เมชไซอะฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการดำเนินการจัดทำป้ายให้ ปชป.เป็นส่วนใหญ่


อนึ่ง กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อการเลือกตั้งปี 2548 ช่วง ปชป.มีนายบัญญติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรองหัวหน้าพรรค ซึ่งร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นำมากล่าวหาพาดพิงระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยว่า นายอภิสิทธิ์มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเป็นคนหนึ่งที่เซ็นชื่อเพื่อรับรองงบดุลประจำปีของพรรค ที่ต้องเสนอต่อ กกต. ทั้งนี้ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.เคยระบุไว้ว่า ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนด หากมีการใช้จ่ายเงินตามมาตรา 93 ที่ขอรับเงินบริจาคจากแหล่งที่มาโดยมิชอบ และตามมาตรา 94 เกี่ยวกับการรับเงินมาใช้เพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ เป็นมูลเหตุที่จะเสนอให้มีการยุบพรรคการเมืองนั้นได้


 



 อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • "พร้อมพงศ์"จี้กกต.เร่งส่งสำนวน"เมซไซอะ"ส่งศาลรธน.
  • "สุทัศน์"ปัดส่งตัวเลขต้นขั้วเช็คเมซไซอะให้เพื่อไทย
  • "เฉลิม"โวมี"นายพล-บิ๊กเมซไซอะ"พร้อมให้ข้อมูลทีพีไอ
  • "ชวน"ไม่กังวลฝ่ายค้านซักฟอกเส้นทางเงิน"เมซไซอะ"
  • "เหลิม"งัดหลักฐานเช็ค"เมซไซอะ"อัด"มาร์ค-ประดิษฐ์"
  • "สดศรี"ข้องใจDSIชง"เมซไซอะ"แต่ไม่ให้หลักฐานกกต.
  • "เทพไท"ป้อง"มาร์ค"ไม่เกี่ยวเซ็นเชคจ้าง"เมซไซอะ"
  • http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248531580&grpid=10&catid=01


    --
          Weblink
    http://ilaw.or.th
    www.patani-conference.net
    http://www.thaihof.org
    http://thainetizen.org
    http://www.ictforall.org
    http://elibrary.nfe.go.th
    http://www.thaisara.com
    http://www.rmutr.ac.th
    http://www.bedo.or.th/default.aspx
    http://weblogcamp2009.blogspot.com
    http://seminarmon.blogspot.com
    http://seminartue.blogspot.com
    http://seminarwed.blogspot.com
    http://seminarthu.blogspot.com
    http://seminarfri.blogspot.com
    http://seminar1951.blogspot.com
    http://seminardd.com

    วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

    "กทม."ยัวะ "สนข."ฉกทุกงาน

      “กทม.”ยัวะ “สนข.”ฉกทุกงาน

    ข่าววันที่ 23 กรกฎาคม 2552 แหล่งข่าวจาก สยามรัฐ

      

              กทม.ยัวะ สนข.ฉกทุกงาน

     

    ** จี้ รัฐบาลมาร์คตอบคำถาม

    ** ส่วนต่อ บีทีเอส-รถบีอาร์ที

     

        เตรียมถก โสภณ คืน 3 สาย   พร้อมทำประชาพิจารณ์คนกรุง  เผยคนสนใจลงทุนอื้อ  ระอาสนข.จ้องแต่จะฉก  กระทุ้งรัฐ ไม่ให้ทำ ต้องมีคำตอบ

     

        เมื่อวันที่ 23 ก.ค.52 นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม.เปิดเผยว่า ตนได้ทำหนังสือถึงม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เพื่อหารือกับนายโสภณ ซารัมย์ รมว.กระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายหมอชิต-สะพานใหม่ (สีเขียว) สายสมุทรปราการ และสายพรานนก ซึ่งกทม.จะขอรับดำเนินการเอง ตามมติครม.พ.ศ.2547 ซึ่งได้ให้กทม.ศึกษาและดำเนินการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบราง (รถไฟฟ้า) ก่อนขอมติครม.อีกครั้งในวาระการประชุมครม.ช่วงเดือนส.ค.นี้

        ทั้งนี้ ยังได้เสนอผู้ว่าฯ กทม.ให้อนุมัติทำประชาพิจารณ์สำรวจความคิดเห็นประชาชนถึงความต้องการระบบขนส่งมวลชนด้วยว่าต้องการอย่างไร ค่าโดยสารเท่าใดโดยละเอียด

        ในส่วนของการจัดหางบประมาณลงทุนและผู้รับเหมานั้น นายธีระชนกล่าวว่า ขณะนี้มีผู้สนใจลงทุนหลายราย โดยเฉพาะบริษัทเดินรถไฟฟ้าจากประเทศจีน China Rail ตลอดจนนายคีรี  กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่ได้พูดคุยกันไว้เบื้องต้นก่อนหน้านี้ด้วย ดังนั้น เรื่องแหล่งเงินทุนจึงไม่น่าจะมีปัญหา

        ขณะเดียวกันยังมีข้อสังเกตด้วยว่าทำไมสายสนามกีฬา-พรานนกที่เดิมกทม.ศึกษาไว้7.7 กม. แต่สำนักงานนโยบายและแผนการจราจรขนส่ง (สนข.) ทำให้เหลือ 1 กม. มาถึงแค่ยศเสเท่านั้น แล้วเอาสายพรานนกไปอยู่ในสายสีชมพูของสนข. ถามว่าคิดได้ยังไงเอาอะไรคิด สร้างทางรถไฟฟ้ากิโลเดียวสร้างไปทำไม มันไม่เกิดประโยชน์ ทั้งๆ ที่กทม.ก็ศึกษาไว้แล้ว ทำไมไม่เอาไปทำ อันนี้รวมไปถึงสายหมอชิต-ศูนย์ราชการที่กทม.ศึกษาจะทำเส้นทางบีอาร์ทีไว้มีแผนมีงบประมาณพร้อม สนข.ก็โพล่งออกมาว่าจะทำรถบีอาร์ทีต่อหน้าต่อตากันอีก ซึ่งก็ต้องถามรัฐบาลเหมือนกันว่านี่มันอะไร

        อย่างไรก็ตาม ต่อข้อถามถึงกรณีการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมาจากต่างพรรค ที่มีหลายฝ่ายเกรงว่าอาจส่งผลต่อการเจรจานั้น นายธีระชนระบุว่าไม่กังวล ขอเพียงทุกฝ่ายทำเพื่อประชาชน นำภาษีประชาชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่ทำอะไรที่ซ้ำซ้อนกัน

              ส่วนถ้าเขาตอบว่าอยากทำมาก ก็ควรเอางานที่กทม.ศึกษามาไปทำเสียเลย แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่กทม.แล้วทำไมไม่ให้กทม.ทำ ต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ด้วย

     

     

     

     
      รูปประกอบข่าว
    http://www.siamrath.co.th/uifont/NewsDetail.aspx?cid=62&nid=42737


    --
          Weblink
    http://ilaw.or.th
    www.patani-conference.net
    http://www.thaihof.org
    http://thainetizen.org
    http://www.ictforall.org
    http://elibrary.nfe.go.th
    http://www.thaisara.com
    http://www.rmutr.ac.th
    http://www.bedo.or.th/default.aspx
    http://weblogcamp2009.blogspot.com
    http://seminarmon.blogspot.com
    http://seminartue.blogspot.com
    http://seminarwed.blogspot.com
    http://seminarthu.blogspot.com
    http://seminarfri.blogspot.com
    http://seminar1951.blogspot.com
    http://seminardd.com

    16 โครงการฉาวไม่เลิก/ ถ.กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า ยังไม่เปิดทรุดแล้ว

      16 โครงการฉาวไม่เลิก/ ถ.กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า ยังไม่เปิดทรุดแล้ว

    ข่าววันที่ 24 กรกฎาคม 2552 แหล่งข่าวจาก สยามรัฐ

     

                                          16 โครงการฉาวไม่เลิก

                                   ถ.กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า  ยังไม่เปิดทรุดแล้ว

     

                    คณะกรรมการโยธา สภากทม.ลงพื้นที่ตามติด   ระบุผู้รับเหมาก่อสร้างไม่มาตรฐาน ผิวถนนทรุดทั้งที่ยังไม่เปิดใช้เป็นทางการ  เตรียมเข้าสภาเฉ่ง

     

        นายประเดิมชัย  บุญช่วยเหลือ ส.ก.เขตห้วยขวาง ในฐานะประธานคณะกรรมการการโยธาและผังเมือง สภากทม.และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและปัญหาในโครงการก่อสร้างปรับปรุงถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า โดยกล่าวว่า โครงการทั้งหมดมีระยะทาง 4.9 กม. ดำเนินงานไปแล้ว 3.6 กม. ใช้งบฯไป 408 ล้านบาท จากวงเงินเต็มโครงการ 490 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1.3 กม. ขณะนี้สำนักการโยธาได้ของบฯปี 53 เพื่อก่อสร้างในส่วนที่เหลือ

        ทั้งนี้ จากการตรวจพื้นที่โครงการพบปัญหาการทรุดตัวของผิวถนน ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ตั้งข้อสังเกต พบว่าปัจจุบันถนนยังไม่เปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการ แต่เกิดปัญหาผิวถนนทรุดตัวแล้ว จึงไม่น่าจะมีสาเหตุจากการทรุดตัวของชั้นดิน อาจเป็นการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานของผู้รับเหมา ทำให้เกิดปัญหาผิวถนนทรุดตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นสาเหตุทำให้น้ำท่วมขัง ระหว่างนี้ได้แนะนำให้สำนักการโยธาและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ติดป้ายประชาสัมพันธ์และใช้สัญลักษณ์จราจรเพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงปัญหาของพื้นผิวถนนเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายจากการสัญจรไป-มาได้ พร้อมกันนี้คณะกรรมการฯ จะนำเรื่องรายงานต่อที่ประชุมสภากทม.ต่อไป

                    สำหรับโครงการก่อสร้างปรับปรุงถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า เป็น 1 ใน 16 โครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักการโยธา โดยเริ่มตั้งงบประมาณในปี 35 และมีการปรับปรุงรูปแบบ ปี 48 แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 5 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับถนนศรีนครินทร์ กับถนนกรุงเทพกรีฑา ช่วงที่ 2 โครงการก่อสร้างถนนกรุงกรีฑา-ร่มเกล้า ช่วง กม.0+821.096 ถึง กม.1+700.00 ช่วงที่ 3 โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า ช่วง กม.1+700.000 ถึง กม.5+600.000 ช่วงที่ 4 โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า ช่วง กม.5+600.000 ถึง กม.9+900.000 ช่วงที่ 5 โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับถนนร่มเกล้า กับถนนเจ้าคุณทหาร

     

     

     

     
      รูปประกอบข่าว
    http://www.siamrath.co.th/uifont/NewsDetail.aspx?cid=62&nid=42790


    --
          Weblink
    http://ilaw.or.th
    www.patani-conference.net
    http://www.thaihof.org
    http://thainetizen.org
    http://www.ictforall.org
    http://elibrary.nfe.go.th
    http://www.thaisara.com
    http://www.rmutr.ac.th
    http://www.bedo.or.th/default.aspx
    http://weblogcamp2009.blogspot.com
    http://seminarmon.blogspot.com
    http://seminartue.blogspot.com
    http://seminarwed.blogspot.com
    http://seminarthu.blogspot.com
    http://seminarfri.blogspot.com
    http://seminar1951.blogspot.com
    http://seminardd.com

    แฟลตทหารแฉสินค้าโครงการพอเพียง"ด้อยคุณภาพ-แพงเกินจริง" เพื่อไทย ชี้ความผิดสำเร็จแล้ว

    วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 21:32:30 น.  มติชนออนไลน์

    แฟลตทหารแฉสินค้าโครงการพอเพียง"ด้อยคุณภาพ-แพงเกินจริง" เพื่อไทย ชี้ความผิดสำเร็จแล้ว

    ปธ.ชุมชนแฟลตทบ.แฉโคมไฟพลังแสงอาทิตย์"โครงการพอเพียง"ด้อยคุณภาพ แพงเกินจริง ไฟฉายยังสว่างกว่า นายทหารไม่พอใจ ปูดพิรุธจนท.ให้เปิดบัญชีและโอนเงินจ่ายบริษัททันที พท.จี้ต่อชี้ความผิดสำเร็จแล้ว

    เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าว "มติชน" รายงานว่า จากการลงพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อตรวจสอบการจัดซื้อสินค้าของชุมชนต่างๆ ตามโครงการชุมชนพอเพียง ในเขตพญาไท พบว่านอกจากตู้น้ำหยอดเหรียญพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจัดซื้อในราคาสูงเกินจริง และอุปกรณ์บางชนิดไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ อาทิ แผงโซลาร์เซลล์ที่ส่งพลังงานไฟฟ้าเข้าตู้น้ำไม่ต่อเนื่อง ทำให้ต้องต่อไฟฟ้าบ้านมาใช้งานแทนนั้น ในส่วนของโคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์ที่บางชุมชนเลือกซื้อไว้ใช้งานต้นละ 50,000 บาท ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่าราคาสูงเกินจริงเช่นกัน และการใช้งานก็ไม่คุ้มค่า เพราะแสงสว่างไม่มากพอ 


    นางนันธิกา คงเมือง ประธานชุมชนแฟลต กองทัพบก (ทบ.) สามเสน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผย "มติชน" ว่า ชุมชนแฟลต ทบ.จัดซื้อโคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์ตามโครงการชุมชนพอเพียงไว้ 8 ต้น ต้นละ 50,000 บาท แต่ปัจจุบันโคมไฟไม่สามารถใช้งานได้ 4 ต้น ส่วนที่เหลืออีก 4 ต้น ก็ให้แสงสว่างไม่เพียงพอ สร้างความไม่พอใจให้กับคนในชุมชนอย่างมาก เพราะคิดว่าโคมไฟนี้จะทำงานมีประสิทธิมากกว่านี้


    "ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น โคมไฟเหล่านี้น่าจะทำงานได้ดีกว่านี้ แสงจากไฟฉายธรรมดายังสว่างมากกว่านี้อีก แสงสว่างจากโคมไฟออกมาคล้ายกับแสงดักแมลงมากกว่า แถมระบบการติดตั้งก็ไม่ดี หากมีลมพายุพัดแรง โคมไฟพวกนี้อาจล้มลงมาทำอันตรายกับคนในชุมชนได้ ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะให้เขาถอนคืนไปเลยดีหรือไม่" นางนันธิกากล่าว    


    นางนันธิกากล่าวว่า ชุมชนแฟลต ทบ.ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 7 แสนบาท เดิมไม่คิดว่าจะได้รับจัดสรร เนื่องจากช่วงก่อนที่โครงการนี้จะเริ่มช่วงต้นปีที่ผ่านมา ชุมชนจัดตั้งขึ้นไม่ถึง 2-3 เดือน เพราะเท่าที่ทราบตามเกณฑ์แล้ว ชุมชนที่จะได้รับการจัดสรรงบฯโครงการนี้ ต้องจัดตั้งมาไม่ต่ำกว่า 1 ปี แต่ก็ได้รับการยืนยันจากสำนักงานเขตพญาไทว่า ไม่มีปัญหาสามารถอนุมัติให้ได้ 


    นางนันธิกากล่าวว่า จากนั้นทางเขตก็ส่งโบรชัวร์สินค้าของบริษัทเอกชนมาให้เลือก 6 ประเภท ได้แก่
    1.ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องละ 250,000 บาท
    2.เครื่องผลิตน้ำดื่มพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องละ 300,000 บาท
    3.โคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ ต้นละ 5 หมื่นบาท
    4.เครื่องผลิตปุ๋ยและก๊าซชีวภาพ  เครื่องละ 250,000-299,000 บาท
    5.ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องละ 250,000 บาท และ
    6.เตาเผาขยะประสิทธิภาพสูง เครื่องละ 100,000 บาท
    หลังจากนั้นตนเรียกประชุมคนในชุมชนเพื่อตัดสินใจว่าจะซื้ออะไร ได้ข้อสรุปว่า ซื้อเครื่องผลิตน้ำดื่ม 1 เครื่อง ส่วนที่เหลือเป็นโคมไฟถนน จากนั้นคนที่เขตให้คนนำเอกสารโครงการมาให้ลงรายละเอียด และรับคืนกลับไป 


    นางนันธิกากล่าวว่า เดิมที่สั่งซื้อโคมไฟสั่งซื้อไป 6 ต้น แต่คนที่เขตไปเปลี่ยนใหม่ให้เป็น 8 ต้น โดยให้เหตุผลว่า เพื่อที่จะได้ให้เต็มวงเงินที่ชุมชนได้รับคือ 7 แสนบาท (โคมไฟ 4 แสนบาท รวมกับเครื่องผลิตน้ำดื่ม 1 เครื่อง 3 แสนบาท) จากนั้นไม่นานก็มีบริษัทเอกชนมาส่งสินค้าให้กับชุมชน


    "ทันทีที่สินค้าเหล่านี้มาถึง บอกได้เลยว่าดูแล้วมันแพงกว่าความเป็นจริงมาก แต่เราก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะเรื่องนี้ชุมชนไม่เสียหายอะไร ได้ของมาฟรี แม้ว่าจะเอามายัดเยียดให้ก็ตาม แต่ภายหลังพบว่าของที่เอามาให้มันมีปัญหามาก อย่างเรื่องโคมไฟถนน พอเอามาติดตั้งแสงสว่างก็ไม่พอ เสียความรู้สึกกับเรื่องนี้มาก ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ผู้ใหญ่ที่เป็นนายทหารในชุมชนก็ไม่พอใจมาก เพราะที่นี่เป็นเขตทหาร ใครจะมาโกงอะไรกัน ไม่มีใครเขาเอาด้วยหรอก จึงทำให้ปัจจุบันทางชุมชนยังไม่เซ็นรับโคมไฟถนนจากบริษัทที่มาติดตั้งเลย" นางนันธิกากล่าว


    นางนันธิกากล่าวว่า ส่วนตู้น้ำหยอดเหรียญ ปัจจุบันมาติดตั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับมอบพัดลมไอน้ำ รุ่น S-22 ที่ระบุว่าจะแถมให้ 2 เครื่อง และช่วงที่มีข่าวนี้เกิดขึ้น บริษัทที่มาติดตั้งก็หายเงียบไปไม่ยอมติดต่อกลับมาอีก


    "ที่เรายังไม่ได้เซ็นชื่อรับติดตั้งของ คงไม่มีผลอะไร เพราะเงินมันถูกโอนไปให้บริษัทไปแล้ว เพราะภายหลังจากที่ชุมชนได้รับการอนุมัติก็มีคนจากทางเขตเชิญตัวแทนชุมชนไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อรับเงินที่จะโอนเข้ามา เมื่อมีเงินโอนเข้ามา เขาก็ให้เราโอนเงินออกไปทันที หน้าที่ของเราดูเหมือนจะมีแค่นี้ เพราะขนาดสินค้าที่เราสั่งซื้อไป ก็ไม่เคยมีใครเห็นสินค้าตัวจริงมาก่อน เห็นเพียงแค่รูปในโบรชัวร์เท่านั้น และจะขอเปลี่ยนสินค้าที่จะจัดซื้อเองก็ไม่ได้ ซึ่งช่วงแรกเราเคยติดต่อไปว่าจะขอเปลี่ยนเป็นสปอตไลท์ 3-4 อัน ราคาอันละ 2,500 บาท แทนโคมไฟต้นหนึ่ง ที่ราคา 5 หมื่นได้หรือไม่ แต่ทางเขตบอกว่าเปลี่ยนไม่ได้ กติกาเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นตามนั้น นี่คิดว่าอีกไม่นานชุมชนคงจะต้องเสียเงินซื้อสปอตไลท์มาใช้เองแน่" ประธานชุมชนแฟลต ทบ.กล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์


    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโบรชัวร์สินค้าที่ทางเขตนำไปมอบให้ชุมชน ปรากฏรายชื่อบริษัทเอกชนกลุ่มเดิมที่เข้าไปเสนอสินค้ากับชุมชนต่างๆ เช่น บริษัท คาร์เทล เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้บริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ บริษัท บีอีเอ็มซี จำกัด บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ โปร เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งทุกบริษัทมีเบอร์โทรศัพท์ให้สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เป็นเบอร์เดียวกันหมด สำหรับบริษัทที่ขายโคมไฟโซลาร์เซลล์คือบริษัท บีอีเอ็มซี เช่นเดียวกับชุมชนวัดไผ่ตัน ย่านสะพานควาย ก็ได้รับเอกสารกำหนดสินค้ารูปแบบเดียวกับชุมชนแฟลต ทบ.


    นางส้มเสี้ยว ศรีสุข ประธานชุมชนวัดไผ่ตัน เขตพญาไท กล่าวว่า ชุมชนสั่งซื้อตู้น้ำหยอดเหรียญ 2 เครื่อง รวม 600,000 บาท และซื้อโคมไฟอีก 2 ต้น รวม 100,000 บาท ปัญหาที่พบคือโคมไฟให้แสงสว่างไม่เพียงพอ ส่วนตู้น้ำมีปัญหาเมื่อฟ้ามืดครึ้ม ทำให้ไฟไม่พอ ต้องต่อไฟบ้านใช้ อย่างไรก็ตาม กรรมการชุมชนคนหนึ่งเคยไปเห็นตู้น้ำขนาดเดียวกันมีราคาไม่ถึง 30,000 บาท ทำให้รู้สึกว่าที่ซื้อมาแพงเกินไป แต่ไม่คิดอะไรมาก เพราะได้มาฟรี


    ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) อาคารบีบีดี บิ้วดิ้ง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรค พท. แถลงถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลกำลังตรวจสอบการล็อคสเปคซื้อสินค้าในโครงการชุมชนพอเพียงที่ส่อทุจริตโดยจะชะลอการโอนเงินชุมชนที่เกิดปัญหาว่า ที่นายกฯออกมาพูดเช่นนี้สะท้อนว่า เข้าใจปัญหาไม่ตรงจุด เพราะกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวเป็นคนของรัฐบาลไปล็อคสเปคสินค้า เร่งรัดโอนเงินอย่างผิดสังเกตก่อนโยนความผิดให้คณะกรรมการประชาคมนั้นมีความผิดสำเร็จแล้ว เนื่องจากมีการโอนเงินไปยังชุมชนต่างๆ แล้วหลายแห่ง


    "ดังนั้น ที่รัฐบาลบอกว่าจะไม่โอนเงินไปให้ชุมชนที่จะส่อว่าจะมีปัญหา เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นที่จะไปตรวจสอบคนในพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยพบว่า มีนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเกี่ยวข้อง จึงเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกรณีดังกล่าว" น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว



     อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • เพื่อไทยบี้ล็อคสเป็ค"ชุมชนพอเพียง" อ้างคนปชป.มีเอี่ยว
  • กมธ.ป.ป.ช.โวยฝ่ายค้านยึกยักข้อมูลทุจริตชุมชนพอเพียง
  • "หมอท็อป"โวยพท.ขวางโครงการชุมชนพอเพียง
  • รบ.โวยพท.ขวาง"ชุมชนพอเพียง"แขวะ"ทักษิณ"สร้างหนี้
  • ปชป.คุยโครงการชุมชนพอเพียงดีกว่าสมัย"ทักษิณ"อื้อ
  • ปชป.เหนือรับเคยถูกวิ่งเต้นช่วยโครงการชุมชนพอเพียง
  • http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248532557&grpid=05&catid=01


    --
    ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
    http://www.sanamluang.bloggang.com
    http://tham-manamai.blogspot.com
    http://lifeanddeath2mcu.blogspot.com
    http://www.parent-youth.net
    http://www.tzuchithailand.org
    http://www.presscouncil.or.th
    http://ilaw.or.th
    http://www.thaihof.org
    http://thainetizen.org
    http://www.ictforall.org
    http://www.projectlib.in.th
    http://elibrary.nfe.go.th
    http://www.nstda.or.th/th
    http://www.arda.or.th
    http://www.nppdo.go.th
    http://www.tlcthai.com
    http://dbd-52.hi5.com
    http://www.oknation.net/blog/assistance
    http://weblogcamp2009.blogspot.com/

    แฉวิจัยร้อน เบื้องหลัง"ปั่นหุ้น" พฤติกรรม"สื่อ"ร่วมกระบวนการ

     


    วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 10:21:47 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ [อ่านล่าสุด 139 คน]

    แฉวิจัยร้อน เบื้องหลัง"ปั่นหุ้น" พฤติกรรม"สื่อ"ร่วมกระบวนการ

    แฉวิจัยร้อนดีเอสไอ เบื้องหลัง"ปั่นหุ้น" พบพฤติกรรม"นักข่าว" ร่วมกระบวนการ " ผู้บริหารบริษัทแจกหุ้นให้กับผู้สื่อข่าว" เสนอให้ "สื่อ" เปิดเผยพอร์ตลงทุน

     
       ผู้สื่อข่าว ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า  งานวิจัย  เรื่อง การปั่นหุ้น โดยวิธีการบอกกล่าวหรือแพร่ข่าว ที่ศึกษาโดยสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งศึกษาจากการสัมภาษณ์เจาะลึกผู้เชี่ยวชาญพิเศษหลายฝ่าย  และข้อมูลบางส่วนได้มาจากการจัดสัมมนาระดมความคิดเห็นหน่วยงานต่างๆ รวมถึงการวิจัยจากเอกสารเชิงลึก   ได้มีประเด็นที่เชื่อมโยงมาถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในการแพร่ข่าวอันมีลักษณะการปั่นหุ้นในหลายประเด็นที่น่าสนใจ และท้าทายจริยธรรมของสื่อมวลชนในยุคโลกาภิวัตน์  
        งานวิจัย ระบุว่า  ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบอกกล่าวหรือแพร่ข่าว ได้แก่ บริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ สื่อสารมวลชนไม่ว่าจะเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ วารสารสื่ออินเทอร์เน็ต ผู้มีส่วนได้เสียโดยมากจะเป็นผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรืออาจจะเป็นบุคคลอื่นที่รู้ข้อมูล เช่น ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาทางด้านการเงิน ที่ปรึกษาด้านการปรับปรุงองค์กร เป็นต้น
        ทั้งนี้  ลักษณะของข่าว ที่มีการแพร่ออกไปแล้วทำให้มีผลกระทบต่อราคาหุ้นแบ่งเป็น "ข่าวดี" ผู้ปั่นหุ้นหรือผู้ปล่อยข่าวมีวัตถุประสงค์ให้ราคาหุ้นขยับตัวสูงขึ้น เพื่อระบายหุ้นของตัวเองออก ผู้ที่รู้ขาวดีก่อนก็จะทำการซื้อหุ้นเพื่อขายทำกำไร
       เช่น ข่าวการเพิ่มทุน ข่าวการจ่ายเงินปันผล ข่าวการขยายฐานประกอบกิจการ "ข่าวร้าย" เป็นข่าวที่มีผลเสียแก่หลักทรัพยื แต่ก็เกิดประโยชน์แก่ผู้ได้ข่าวก่อนผู้อื่นโดยการเทหุ้นขายก่อนผู้อื่น เป็นการฉกฉวยโอกาสลดความเสี่ยงของตนเอง หรือปล่อยข่วโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ราคาหุ้นตกเพื่อตนเองจะได้เข้ามาช้อนซื้อหุ้นในราคาต่ำ เช่น ข่าวความแตกแยกของฝ่ายบริหาร ข่าวการทุจริต หรือเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบการทุจริต ข่าวการดำเนินธุรกิจผิดพลาด ผลประกอบการขาดทุน ฐานะการเงินของหลักทรัพย์อยู่ในสภาพไม่มั่นคง ข่าวความไม่มั่นคงทางการเมือง ข่าวปฏิวัติรัฐประหาร หรือข่าวสงคราม เป็นต้น
         ทีมวิจัย เชื่อว่า   การบอกกล่าวหรือแพร่ข่าวทางอ้อม เป็นลักษณะการบอกกล่าวหรือแพร่ข้อเท็จจริง ข่าวเท็จ หรือข่าวที่คลาดเคลื่อน ให้กระจายในวงกว้างที่ซับซ้อน โดยแหล่งข่าวตามที่กฎหมายกำหนดอันได้แก่บริษัทหลักทรัพย์ ผู้รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ผู้มีส่วนได้เสียในหลักทรัพย์นั้นๆ ไม่ได้เป็นผู้บอกกล่าวหรือแพร่ข่าวด้วยตนเองเนื่องจากรู้ว่ากฎหมายห้ามไว้ แต่จะใช้วิธีการให้บุคคลอื่นเป็นผู้แพร่ข้อเท็จจริงหรือให้ข่าวแทน เช่น การจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อปรับปรุงองค์กร บริษัทที่ปึกษาเพื่อประชาสัมพันธ์ ภาพลักษณ์ของบริษัท แล้วให้บริษัทที่ปรึกษาเหล่านี้เป็นผู้ให้ข่าวในทางที่ดี บางครั้งอาจจะมีการตบแต่งงบการเงินเพื่อให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีผลกำไร (window dressing) โดยผู้บริหารของบริษัทเป็นผู้สั่งการและมีผู้ทำบัญชีของบริษัทหรืออาจจะมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตร่วมมือสนับสนุนด้วย
         "  สื่อสารมวลชน มีบทบาทสำคัญต่อการเผยแพร่ข่าวหรือสารสนเทศ รวมทั้งข่าวลือต่างๆ บทบาทของสื่อจึงอาจเป็นผู้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแพร่ข่าวหรืออาจจะมีส่วนร่วมรู้เห็นด้วย จากการสัมมนาทำให้ทราบว่าบทบาทการทำงานของสื่อจะต้องรวดเร็วเพื่อให้ขาวทันต่อเหตุการณ์จึงไม่ได้ตรวจสอบความชัดเจนของข่าว การมีผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น การซื้อรายการโทรทัศน์เพื่อออกข่าวของบริษัท หรือความคุ้นเคยส่วนตัวของผู้บริหารกับสื่อ หรือผู้บริหารเคยซื้อรายการโฆษณากับสื่อ บางครั้งผู้บริหารบริษัทอาจจะมีการแจกหุ้นให้กับผู้สื่อข่าวเพื่อหวังผลในด้านการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของบริษัท เป็นต้น จึงมีประเด็นให้วิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรให้สื่อเสนอข่าวด้วยถูกต้อง รวดเร็ว ตรงกับความเป็นจริงและสื่อควรจะมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้นักลงทุนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องได้เท่าเทียมกันอีกช่องทางหนึ่งพร้อมๆ กับระบบของตลาดหลักทรัพย์โดยไม่ต้องผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว"  งานวิจัย ระบุไว้อย่างชัดเจน
         งานวิจัยเสนอว่า  การเสนอข่าวของสื่อสารมวลชน มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน ดังนั้นการเผยแพร่สารสนเทศของสื่อสารมวลชนต้องถูกต้องชัดเจน ควรสร้างสำนึก และเสริมสร้างจรรยาบรรณในการเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนให้มากขึ้น สื่อสารมวลชนต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการเสนอข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยควรเปิดเผยการถือครองหลักทรัพย์ของสื่อมวลชน ผู้บริหาร ผู้สื่อข่าวด้านเศรษฐกิจหรือบุคคลอื่นกับการนำเสนอข่าวด้านเศรษฐกิจ

    http://www.matichon.co.th/prachachat/news_detail.php?newsid=1248578760&grpid=00&catid=00

                                         

    --
    ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
    http://www.sanamluang.bloggang.com
    http://tham-manamai.blogspot.com
    http://lifeanddeath2mcu.blogspot.com
    http://www.parent-youth.net
    http://www.tzuchithailand.org
    http://www.presscouncil.or.th
    http://ilaw.or.th
    http://www.thaihof.org
    http://thainetizen.org
    http://www.ictforall.org
    http://www.projectlib.in.th
    http://elibrary.nfe.go.th
    http://www.nstda.or.th/th
    http://www.arda.or.th
    http://www.nppdo.go.th
    http://www.tlcthai.com
    http://dbd-52.hi5.com
    http://www.oknation.net/blog/assistance
    http://weblogcamp2009.blogspot.com/

    วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

    คนไทยซื้อยาแพง!

    คนไทยซื้อยาแพง!



    --
          Weblink
    http://ilaw.or.th
    www.patani-conference.net
    http://www.thaihof.org
    http://thainetizen.org
    http://www.ictforall.org
    http://elibrary.nfe.go.th
    http://www.thaisara.com
    http://www.rmutr.ac.th
    http://www.bedo.or.th/default.aspx
    http://weblogcamp2009.blogspot.com
    http://seminarmon.blogspot.com
    http://seminartue.blogspot.com
    http://seminarwed.blogspot.com
    http://seminarthu.blogspot.com
    http://seminarfri.blogspot.com
    http://seminar1951.blogspot.com
    http://seminardd.com