ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)
Bookmark and Share

วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

โชคร้ายของสมเพียร

วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7049 ข่าวสดรายวัน


โชคร้ายของสมเพียร


คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน



ตลอด 6-7 ปีมานี้ ไม่มีตำรวจสังกัดหน่วยงานไหน ต้องล้มตาย บาดเจ็บพิกลพิการ มากเท่าตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้อย่างแน่นอน

ตำรวจในทุกโรงพัก ทุกระดับ ตั้งแต่ผกก.หัวหน้าสถานีลงไป ในแต่ละวัน แทบไม่ได้ใช้ชีวิตสงบสุข

เช้าออกจากบ้านไปสถานี ระหว่างออกตรวจพื้นที่ ไปจนถึงกลับบ้านพักตอนเย็นย่ำค่ำคืน ไม่มีเวลาไหนนั่งรถเต๊ะจุ๊ย สบาย-สบาย

ไม่มีช่วง ชิล-ชิล

สภาพเช่นนี้ จึงอธิบาย "จุดบอดของวัฒนธรรมสีกากี" สำหรับตำรวจใน 3 จังหวัดนี้ได้เป็นอย่างดี

วัฒนธรรมที่ว่า คือ การเข้าหาเจ้านาย การเป็นตำรวจบริการ!!

แต่ก็เหมือนกลับข้างกัน นั่นคือ จะมีผู้บังคับบัญชาจำนวนหนึ่ง ซึ่งใส่ใจหรือมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาตำรวจใน 3 จังหวัดใต้

พล.ต.อ.-พล.ต.ท. ที่ดูงานด้านปราบปรามในภาคใต้ ดูงานด้านสันติบาล ด้านความมั่นคง ไปจนถึงด้านงานสอบสวน

รองผบ.ตร.หรือผู้ช่วยผบ.ตร.เหล่านี้ จะมีโอกาสลงไปสัมผัสผู้ใต้บังคับบัญชาในแนวรบ

เพราะฉะนั้น ระดับบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เคยลงไปร่วมทำงาน ไม่มีใครไม่รู้จัก พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา!

เอ่ยชื่อนี้ ต้องนึกหน้า นึกฝีมือออก

แค่เขาเอ่ยปากขอไปพักผ่อนในท้องที่สงบๆ ผู้บังคับบัญชาที่รู้จริงต้องจัดให้ทันที

ต้องทุบโต๊ะสั่ง ไม่ใช่แค่ส่งชื่อไปลอยๆ!

เป็นโอกาสสุดท้าย เป็นปีสุดท้ายในชีวิตราชการ ที่จะตอบแทนอะไรให้เขาได้บ้าง

สำคัญที่สุดจะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับตำรวจทั้งสามจังหวัด ที่ยังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันอยู่

นี่คือหัวใจการเป็นผู้บังคับบัญชา!

ถ้าไม่ผ่านงานจริงครบทุกด้าน ถ้าไม่ผ่านการสัมผัสพื้นที่ ก็ขาดความเข้าใจในการปกครองดูแล

โชคร้ายของพ.ต.อ.สมเพียร ตรงที่อยู่ในยุคซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจจะช่วยเหลือได้ กลับไม่ผ่านงานแบบนี้มาก่อน

นายกฯ จบเมืองนอก เรียนลัดทางการเมือง ไม่เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงหลัก ไม่เคยสัมผัสข้าราชการ

แถมผบ.ตร.ก็ไม่มีตัวตน มีแต่รักษาการ

ชื่อพ.ต.อ.สมเพียรเมื่อเสนอขึ้นข้างบน ก็เลยไม่กระดิกหู

เลยเพิ่งรู้ว่าความตายของพ.ต.อ.สมเพียร ส่งผลสะเทือนมากมายต่อนายกฯ และรักษาการผบ.ตร.


หน้า 2
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dPREU0TURNMU13PT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNeTB4T0E9PQ==

--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://apps.facebook.com/blognetworks/index.php
http://www.roundfinger.com/
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
http://www.deepsouthwatch.org/node/687
http://www.tu.ac.th/org/ofrector/tu_council/record/nopporn.htm
http://www.visalo.org/

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

'TOP COP' วีรบุรุษผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

'TOP COP' วีรบุรุษผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

Pic_70376

การเสียชีวิตของ "พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา" ผกก.นักสู้โจรใต้ เป็นความสูญเสีย ของครอบครัว และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องเสียตำรวจ ดีๆไป หลังตกเป็นเหยื่อสังเวยโจรใต้ลอบกดระเบิดที่ฝังไว้ใต้พื้นถนนถล่มรถพังยับ คร่าชีวิต ผกก.คนดังดับอนาถ

ผกก.นักสู้โจรใต้ ท่านนี้เคยสวมวิญญาณ หมูไม่กลัวน้ำร้อน ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม กรณีทำเรื่องขอย้ายออกนอกพื้นที่เพราะจะเกษียณราชการในปี 2553 แต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา มีการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 5 มี.ค.เสนอให้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรอง ผบก. แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการ ก็มาประสบเหตุเสียชีวิตจากการซุ่มโจมตีของกลุ่มโจรใต้เสียก่อน

"พ.ต.อ .สมเพียร เอกสมญา"หรือ"จ่าเพียรมือปราบ"ฉายาที่ติดตัวมาตั้งแต่เป็นตำรวจชั้นประทวน เป็น นพต.รุ่นที่ 15 เริ่มรับราชการครั้งแรกหลังจบโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 9 ยะลา เมื่อปี 2513 เป็น ผบ.หมู่ ป.สภ.บันนังสตา มาตลอด โดยเฉพาะช่วงที่พวก ขจก.หรือขบวนการโจรก่อการร้าย ได้ปะทุทวีความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ ได้ติดตาม พ.ต.ท.สนิท เพียรทอง สวญ.สภ.บันนังสตา (ตำแหน่งในขณะนั้น)ออกปราบปราม ขจก.มาตลอด สามารถวิสามัญคนร้ายได้ร่วม 100 ศพ จนเป็นที่หวาดเกรงของพวกคนร้าย และราวปี 2519 จ.ส.ต.สมเพียร เอกสมญา ปะทะกับคนร้ายกลุ่มนายลาเต๊ะ เจาะบันตัง ในหมู่ 4 ต.บันนังสตา พลาดท่าไปเหยียบกับระเบิดคนร้ายจนขาซ้ายหวิดขาด

จากความเด็ดเดี่ยว และประสบความสำเร็จในการปราบปรามคนร้ายอย่างจริงจัง"จ่าเพียรมือปราบ" จึงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญมาลาเข็มกล้ากลางสมร (ร.ม.ก.) จนทางกรมตำรวจได้ให้เข้าศึกษาหลักสูตรนายตำรวจเป็นกรณีพิเศษโดยไม่ต้องสอบ หลังจากจบมาแล้วได้โอนไปสังกัด ตม.ประจำอยู่ในพื้นที่ จ.สงขลา ระยะหนึ่ง แต่ต้องขอย้ายกลับรับราชการวนเวียนอยู่ในภาคใต้ตอนล่างมาตลอด แต่ไม่วายถูกร้องเรียนจนต้องย้ายออกจากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไประยะหนึ่ง



ต่อ มาหลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปี 2547 ที่ผ่านมา ถูกเรียกตัวกลับมาปราบปรามพวกก่อความไม่สงบใน อ.บันนังสตา ในตำแหน่ง ผกก.สภ.บันนังสตา ปี 2550 โดยได้ใช้ประสบการณ์และความคุ้นเคยในพื้นที่แห่งนี้มาก่อน นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นจับกุมคนร้ายจนสามารถวิสามัญคนร้ายไปแล้วรวม 19 ราย แต่ก็ถูกฝ่ายตรงข้ามวางแผนลอบทำร้ายมาตลอด ทำให้ทางครอบครัวเกิดความวิตกพร้อมทั้งขอให้เปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น"ภูวพงษ์ พิทักษ์" เพื่อเป็นศิริมงคล แต่ พ.ต.อ.สมเพียร ได้ขอกลับมาใช้นามสกุลเดิม ส่วนนามสกุลใหม่มีภรรยาและบุตรชายคนที่ 2-3 ใช้

จนกระทั่งวันที่ 18 ก.พ.2553 พวกคนร้ายได้ลอบวางระเบิดขึ้นหลายจุดในพื้นที่วางแผนให้ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา นำกำลังเดินทางเข้าไป จนถูกคนร้ายระเบิดรถยนต์ที่นั่งคันเดียวกันนี้ ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อย แต่ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า"ช้ำในมากกว่า เพราะขอย้ายแล้วไม่ได้ย้าย"จนเป็นข่าวครึกโครมในเวลาต่อมา กระทั่งนำกำลังไปถูกคนร้ายลอบวางระเบิดรถปิกอัพคันเดิมจนขาหักทั้งสองข้าม บาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลาในที่สุด



ในขณะที่เพื่อนร่วมอาชีพอย่าง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) ฝ่ายความมั่นคงและกิจการพิเศษ ซึ่งกำกับดูแลศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) กล่าวถึงการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.สมเพียร ว่า เป็นการสูญเสียที่สำคัญของตำรวจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.อ.สมเพียร คือลูกน้องที่รัก เป็นตำรวจนักรบเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เป็นตำรวจที่ไม่ท้อถอย แม้จะมาร้องเรียนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายออกนอก พื้นที่ ซึ่งยังไม่สมหวังก็ยังกลับไปปฏิบัติหน้าที่ สภ.บันนังสตา อย่างเต็มที่ สมเกียรติภูมิ และสำนึกต่อหน้าที่ การเสียชีวิตครั้งนี้สมศักดิ์ศรี ตำรวจอาชีพที่ตายในหน้าที่



ด้าน พล.ต.ท.ธานี  ทวิชศรี  อดีตผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 (อดีต ผบช.ภ.9) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เปิดเผยว่า ในหมู่นักรบด้วยกัน ถือเป็นความสูญเสียที่บอกไม่ถูก ที่ผ่านมา พ.ต.อ.สมเพียร เป็นคนจริงจัง กล้าหาญมาก ทำงานในลักษณะไม่เสร็จไม่เลิก และแน่นอนว่าการที่ พ.ต.อ.สมเพียร เรียกร้องขอโยกย้ายตำแหน่งแต่ไม่รับการตอบสนองนั้น กระทบต่อขวัญและกำลังใจต่อคนที่ปฏิบัติหน้าในพื้นที่พอสมควร



พล.ต.ท.ธานี  กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้เคยหารือกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ว่าในเมื่อพื้นที่อยู่ในการควบคุมของ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แล้ว ควรที่จะมีระเบียบออกมาเพื่อเอื้อให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ใน พื้นที่นาน ได้รับการหมุนเวียนหรือค่าตอบแทนที่ดี แต่ก็ไม่มีความชัดเจนออกมา ส่วนปัญหาที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับการพิจารณาโยกย้ายนั้น เพราะติดขัดกับกฎระเบียบการย้ายข้ามกองบัญชาการ แต่ละกองบัญชาการที่จะต้องยอมรับกันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ในความเป็นจริง กองบัญชาการภาค 9 นั้นมีเพียง 4 จังหวัดซึ่งรองรับกำลังพลไม่พอ ดังนั้นสมควรผ่องถ่ายให้ทั่วประเทศ  ซึ่งเรื่องนี้เคยเรียนผู้บังคับบัญชาไปแล้วแต่ไม่ได้มีการจัดการ

ถึงเวลาหรือยังที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะรื้อโครงสร้างอุบาทว์ในวงการตำรวจที่จ้องแสวงหาผลประโยชน์ เพื่อก่อเกิดตำรวจสายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ใช่แค่ "ปลิงในชุดสีกากี"อีกต่อไป..!!!

http://www.thairath.co.th/content/region/70376


--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://apps.facebook.com/blognetworks/index.php
http://www.roundfinger.com/
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
http://www.deepsouthwatch.org/node/687
http://www.tu.ac.th/org/ofrector/tu_council/record/nopporn.htm
http://www.visalo.org/

ถ้าระดับบนจัดการอย่างจริงจัง พ.ต.อ.สมเพียรคงไม่ต้องตายที่บันนังสตา!


วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7048 ข่าวสดรายวัน


รู้คุณค่าลูกน้อง


คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน



ระยะนี้สังคมไทยกำลังอลหม่านอยู่กับบรรยากาศม็อบแดง ซึ่งชุมนุมยืดเยื้อมาหลายวัน และยังไม่รู้ว่าจะนำไปสู่จุดใด แต่ก็มีอีกหลายๆเหตุการณ์ที่ร้อนระอุขึ้นมาพร้อมๆกัน

ฝุ่นควันม็อบจางลงเมื่อไร มีตอผุดอีกหลายเรื่อง!?

ความตายของพ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องมีผู้รับผิดชอบ
ประการหนึ่งเพราะการเมืองในยุคนายกฯอภิสิทธิ์ เข้าแทรกแซงการโยกย้ายตำรวจในยุคไร้ผบ.ตร.อย่างโจ๋งครึ่ม

ประการหนึ่งเพราะพ.ต.อ.สมเพียร ได้เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากนายกฯและจากรักษาการผบ.ตร.

แต่ไม่มีการแก้ไขเยียวยา

จนกระทั่งโดนระเบิดตาย!!

บางคนอาจไม่คาดคิดว่า แค่ไม่แต่งตั้งให้ตามที่ผกก.คนหนึ่งร้องขอ จะนำมาซึ่งผลสะเทือนขนาดนี้

ตอนนี้ก็เลยโทษกันไปมา โยนความรับผิดชอบกันวุ่นวาย

โทษว่าหน่วยในพื้นที่ไม่ยอมแต่งตั้งเอง แต่ก็มีข้อมูลอีกทางชี้ว่า ไม่มีการใส่ชื่อนี้มาในโควต้าของสตช.

แค่โทรฯสั่งลอยๆ แทนที่จะตัดชื่อในโควต้าส่วนกลางออกไปสักราย แล้วใส่ชื่อของพ.ต.อ.สมเพียรเข้าไปอย่างเป็นทางการ

ถ้าระดับบนจัดการอย่างจริงจัง พ.ต.อ.สมเพียรคงไม่ต้องตายที่บันนังสตา!

กรณีของพ.ต.อ.สมเพียร จึงประจานปัญหาตั้งแต่ประสิทธิภาพของนายกฯที่ไม่สามารถแต่งตั้งผบ.ตร.ได้ จนทำให้องค์กรตำรวจล้มเหลว

ระบบการแต่งตั้งโยกย้ายเละเทะ

ไปจนถึงประจานการไม่ใส่ใจในชีวิตของข้าราชการตำรวจที่เสียสละเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในพื้นที่ 3 จังหวัดใต้

น่าคิดว่า เหตุใดนายกฯอภิสิทธิ์ จึงไม่สนับสนุนผู้จะขึ้นเป็นผบ.ตร. จากคนที่มีประวัติทำงานในพื้นที่โชกโชน

ทั้งที่คนแบบนี้เท่านั้นจะรู้คุณค่าของผู้ใต้บังคับบัญชา!!

พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผ่านงานทั้งนครบาล กองปราบฯ ภูธร สันติบาล ทะลุหมดทุกหน้างาน


หรือย้อนไปดูผบ.ตร.ก่อนหน้านี้ คนที่นายกฯพยายามจะปลดให้ได้

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผ่านมาหมดทั้งตชด. สอบสวนกลาง ภูธร สันติบาล

ตำรวจในพื้นที่ไฟใต้ ทั้งพล.ต.อ.พัชรวาทและพล.ต.อ.จุมพลรู้จักแทบทั้งหมด

ถ้าเรื่องพ.ต.อ.สมเพียรเกิดในยุค 2 คนนี้ คงไม่ต้องสูญเสีย!

วงค์ ตาวัน


หน้า 2
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dPREUzTURNMU13PT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNeTB4Tnc9PQ==
--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://apps.facebook.com/blognetworks/index.php
http://www.roundfinger.com/
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
http://www.deepsouthwatch.org/node/687
http://www.tu.ac.th/org/ofrector/tu_council/record/nopporn.htm
http://www.visalo.org/

สารคามแฉมั่วขอ"งบไทยเข้มแข็ง"

วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7048 ข่าวสดรายวัน


สารคามแฉมั่วขอ"งบไทยเข้มแข็ง"




มหาสารคาม - นายสุทธินันท์ บุญมี รองผวจ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ของมหาสารคามหลายแห่งทำโครงการเสนอมายังจังหวัด เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งไปใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น แต่มี อปท.บางแห่งเสนอโครงการที่ตนคิดว่าไม่เป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนใน พื้นที่ เช่น ของบไทยเข้มแข็งไปสร้างรั้วหรือทำป้ายอบต.ป้ายหมู่บ้าน ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ตนมองว่าไม่ได้สร้างสรรค์อะไรให้กับประชาชนในพื้นที่เลย ไม่ตรงวัตถุประสงค์ของโครงการ หนำซ้ำยังทำให้ประชาชนในพื้นที่เสียโอกาส

นายสุทธินันท์ กล่าวว่า บาง อปท.เสนอโครงการที่สวยหรูดูเป็นประโยชน์กับประชาชน แต่พอได้รับการสนับสนุน กลับนำงบไปก่อ สร้างโครงการที่ไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน หรือโครงการที่ผู้บริหารมีส่วนได้ส่วนเสีย บางโครงการไม่มีการทำประชาคมชุม ชนหมู่บ้าน ตนในฐานะคณะกรรมการกลั่นกรองงบประมาณ อยากฝากให้ผู้บริหารท้องถิ่นทุกแห่งคิดสนใจและใส่ใจกับผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ไม่ใช่ฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองและพวกพ้อง


หน้า 28
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2NtOHdNekUzTURNMU13PT0=&sectionid=TURNeE13PT0=&day=TWpBeE1DMHdNeTB4Tnc9PQ==

--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://apps.facebook.com/blognetworks/index.php
http://www.roundfinger.com/
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
http://www.deepsouthwatch.org/node/687
http://www.tu.ac.th/org/ofrector/tu_council/record/nopporn.htm
http://www.visalo.org/

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

บิ๊กก.เกษตรฯ เต้นสั่งผู้เกี่ยวข้องชี้แจงทุจริต"ฝนหลวง" หวั่นทำเสียชื่อแอบหากินกับโครงการพระราชดำริ



วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 23:43:53 น.  มติชนออนไลน์

บิ๊กก.เกษตรฯ เต้นสั่งผู้เกี่ยวข้องชี้แจงทุจริต"ฝนหลวง" หวั่นทำเสียชื่อแอบหากินกับโครงการพระราชดำริ

"มติชน" ค้นข้อมูล "หจก.ภูมิสวัสดิ์" ที่เป็นรายเดียวประมูลขายสารยูเรีย 46% N ใช้ทำฝนหลวง พบชื่อเหมือนกัน 2 แห่ง เจ้าแรกเลิกกิจการไปแล้ว อีกรายแจ้งที่อยู่เป็นแค่ห้องพัก บิ๊กกระทรวงเกษตรเต้น หวั่นมีคนแอบหากินกับโครงการพระราชดำริ จี้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงให้เคลียร์โดยด่วน


จากกรณีการปฏิบัติการทำฝนหลวง ของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร 4 วัน 11 เที่ยวบิน ช่วงระหว่างวันที่ 25 มกราคม -18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และ "มติชน" ตรวจสอบพบความผิดปกติในการประมูลจัดซื้อสารยูเรีย 46% N จำนวน 800 ตัน วงเงิน 14 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ทำฝนหลวง ของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในช่วงปี 2552 ที่ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-ออคชั่น ที่ให้ผู้ประกอบการเข้ามาเสนอราคาแข่งขัน แต่ปรากฏว่ามีเพียงรายเดียว คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) ภูมิสวัสดิ์ ยื่นซองเสนอราคา แต่แทนที่สำนักงานปลัดฯ จะยกเลิกเพื่อเปิดประมูลใหม่ กับดำเนินการต่อและอนุมัติให้หจก.ภูมิสวัสดิ์ได้รับงานไปนั้น


เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าว "มติชน" รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า หจก.ภูมิสวัสดิ์ ถูกจดทะเบียนจัดตั้งไว้ถึง 2 แห่ง จากบุคคลสองกลุ่ม โดย หจก.ภูมิสวัสดิ์ แห่งแรก ชื่อภาษาอังกฤษว่า "POOMSAWAT LTD.,PART" จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2534 เลขทะเบียนนิติบุคคล 0103534033166 มีทุนจดทะเบียน 200,000 บาท เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ประกอบกิจการค้ายารักษาและป้องกันโรคสำหรับคนและสัตว์ เครื่องเวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ ตั้งอยู่ที 542/124 ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. ปรากฏชื่อนางกัณฑลิก นุพงศ์ และพ.ต.ต.พีระพงค์ ช่างสุพรรณ หุ้นส่วนผู้จัดการ แต่ปัจจุบันจดทะเบียนเลิกกิจการไปแล้ว โดยนายทะเบียนจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2537


ขณะที่ หจก.ภูมิสวัสดิ์ อีกแห่ง มีชื่อภาษาอังกฤษ ว่า "POOMSAWAS LIMITED PARTNERSHIP" ยังดำเนินกิจการอยู่ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2547 เลขทะเบียนนิติบุคคล 0103547026058 ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท เป็นธุรกิจขนาดเล็ก เช่นกัน ประเภทธุรกิจคือการประมูลเพื่อขายสินค้าอุปโภค บริโภคสำเร็จรูป วัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตร-ค้าปลีก, ค้าส่ง ตั้งอยู่ที่ 225/82 อาคารเบญจศรีวิภาวดี ชั้น 11 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เบอร์โทรศัพท์ 0-2653-4516-19 ปรากฏชื่อนายพงษ์ศิริ จิตรประทักษ์ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและผู้มีอำนาจ ขณะที่นายอรรถพร โรจน์เอกจิตต์ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการอีกรายหนึ่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โทรศัพท์ติดต่อไปยัง หจก.ภูมิสวัสดิ์ ที่ยังดำเนินกิจการอยู่ ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้ คือหมายเลข 0-2653-4516 แต่ต้นสายปลายทางที่ได้ยิน เป็นระบบตอบรับอัตโนมัติ ระบุว่าเป็นสถานที่ติดต่อของบริษัทชำนาญกิจ และร้านหนังสือซีพีเอฟบุ๊ค ไม่ใช่ หจก.ภูมิสวัสดิ์ แต่อย่างใด ก่อนจะโอนสายไปยังโอเปอร์เรเตอร์ ทั้งนี้ เมื่อมีผู้รับสาย เป็นหญิงสาวรายหนึ่ง ได้รับการยืนยันข้อมูลว่า สถานที่แห่งนี้ ไม่ใช่ หจก.ภูมิสวัสดิ์ และไม่เคยรู้จักชื่อนายพงษ์ศิริ แต่อย่างใด ส่วนที่ตั้งสำนักงานก็อยู่ที่ "พญาไท" ไม่ใช่ "อาคารเบญจศรีวิภาวดี"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังได้รับการยืนยันข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าว ได้โทรศัพท์ติดต่อกับไปอีกครั้ง โดยใช้หมายเลข 0-2653-4518 ปลายทางที่ได้ยิน เป็นระบบตอบรับอัตโนมัติ ระบุว่าเป็นสถานที่ติดต่อของบริษัท ชำนาญกิจ และร้านหนังสือซีพีเอฟบุ๊ค เช่นกัน แต่ผู้รับสายเป็นหญิงสายรายใหม่ และยืนยันข้อมูลอีกครั้งว่า สถานที่แห่งนี้ เป็นบริษัทชำนาญกิจ และร้านหนังสือซีพีเอฟบุ๊ค ไม่ใช่ หจก.ภูมิสวัสดิ์ เช่นกัน แต่หญิงคนรายนี้ ยอมรับว่ารู้จักกับนายพงษ์ศิริ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ เป็นสำนักงานรับทำบัญชีให้กับนายพงษ์ศิริ และขอให้ติดต่อมาสอบถามข้อมูลใหม่ในวันที่ 2 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่บริษัทเปิดทำการ ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว ของนายพงษ์ศิริ ก็ได้รับการปฏิเสธ


เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังสถานที่ตั้งของ หจก.ภูมิสวัสดิ์ ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าคือ เลขที่ 225/82 อาคารเบญจศรีวิภาวดี ชั้น 11 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 พบว่า สภาพอาคารดังกล่าว เป็นอาคารที่พักอาศัย ตั้งอยู่ติดกับโรงพยาบาลวิภาวดี และได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า เลขที่ที่อยู่ที่ระบุว่า เป็นห้องพักอาศัย ไม่ได้เป็นอาคารสำนักงานบริษัท ที่ประกอบกิจการธุรกิจแต่อย่างใด และไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของ


เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางขึ้นไปตรวจสอบสภาพของ หจก.ภูมิสวัสดิ์ ตามที่แจ้งข้อมูลว่า อยู่ที่ชั้น 11 ก็พบว่า มีสภาพเป็นห้องพักธรรมดา ไม่มีการปิดป้าย หจก.ภูมิสวัสดิ์ ไว้ด้านหน้าแต่อย่างใด โดยป้ายด้านหน้าที่ไว้ป้ายระบุเลขห้องที่ 225/82 เท่านั้น ขณะที่ประตูถูกล็อคกุญแจเอาไว้


แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า จากการตรวจพบข้อมูลดังกล่าว ทำให้เป็นที่น่าสังเกตว่า หาก หจก.ภูมิสวัสดิ์ แห่งใดแห่งหนึ่งใน 2 แห่งนี้ เป็นผู้ชนะการประมูลงานจัดซื้อสารยูเรีย 46% N ของสำนักปลัดกระทรวงเกษตรฯ ดังกล่าว ก็ไม่น่าจะมีคุณสมบัติและมีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้ามาประมูลงานได้ และเมื่อชนะการประมูลงานจะนำสินค้าจากแหล่งไหนมาส่งมอบ และในขั้นตอนการประมูลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบมีการตรอบสอบข้อมูลเรื่องนี้ครบถ้วนถูกต้องเพียงพอหรือไม่ ก่อนที่จะอนุมัติรับราคาให้ได้รับงานไป ทั้งที่ เข้ามายื่นซองเสนอราคาเพียงแค่รายเดียวเท่านั้น


"อยากให้ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ออกมาชี้แจงข้อมูลให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้น จะเกิดความสับสนอย่างมาก และหากมีความผิดปกติจริง ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ จะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ภาพลักษณ์การดำเนินงานเรื่องฝนหลวง ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริ เกิดความเสียหาย จากการกระทำของผู้ที่ไม่หวังดี ที่หวังเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์แอบหากินจากโครงการพระราชดำริแบบนี้" แหล่งข่าวกล่าว

                              http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267369474&grpid=01&catid=

--
โปรดอ่าน blog
www.pridiinstitute.com
www.nakkhaothai.com
www.pcpthai.org
http://wdpress.blog.co.uk
http://rsm2009-rsm2009.blogspot.com
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
www.youtube.com/user/naiissarachon#p/a/u/0/34ZvscsnCbA

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พบพิรุธซื้อสารเคมีทำ"ฝนหลวง"ไม่ได้มาตรฐานยื่นประมูลแค่รายเดียว ปลัดกระทรวงเกษตรฯยันมีประสิทธิภาพ

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 21:57:49 น.  มติชนออนไลน์

พบพิรุธซื้อสารเคมีทำ"ฝนหลวง"ไม่ได้มาตรฐานยื่นประมูลแค่รายเดียว ปลัดกระทรวงเกษตรฯยันมีประสิทธิภาพ

ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ยันสารเคมีทำฝนหลวงมีประสิทธิภาพอ้างสำนักฝนหลวงฯเข้มงวดมาก พบพิรุธประกวดราคาซื้อ"ยูเรีย"ด้วยวิธีการ "อี-ออคชั่น" มีเพียงรายเดียวที่เข้าประมูล

จากกรณีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า จะใช้การทำฝนหลวงเพื่อช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งในขณะนี้ แต่ปรากฏว่า ในการขึ้นปฏิบัติการทำฝนหลวงของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ในช่วงวันที่ 25 มกราคม-18 กุมภาพันธ์ 2553 จำนวน 4 วัน 11 เที่ยวบิน พบว่า ไม่มีรายงานว่ามีฝนตกในพื้นที่เป้าหมาย ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า การทำฝนหลวงอาจมีปัญหาเกิดขึ้น ทั้งในขั้นตอนปฏิบัติงานและคุณภาพของสารเคมีที่นำมาใช้ทำฝนหลวง เบื้องต้นนายยุคล ลิ้มแหลมทอง ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ได้แสดงความประหลาดใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และเตรียมประสานไปยังสำนักฝนหลวงฯ เพื่อขอทราบความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั้น


เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นายยุคลได้ให้สัมภาษณ์ "มติชน" ว่า จากการประสานงานไปยังสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อสอบถามความชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาผลการปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงดังกล่าว ได้รับการยืนยันว่า ปัญหาเกิดขึ้นจากความชื้นในอากาศไม่เพียงพอ แต่เชื่อว่า ผลจากการขึ้นปฏิบัติการดังกล่าว จะช่วยกระตุ้นทำให้เมฆเกิดการรวมตัวกัน และจะทำให้การขึ้นปฏิบัติการทำฝนหลวง ในครั้งต่อๆ ไปเกิดผลอย่างแน่นอน และจำนวนการขึ้นบิน 11 เที่ยว แต่ยังไม่มีฝนตกลงมา ก็ยังอยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในกรณีที่การขึ้นปฏิบัติการไม่ประสบความสำเร็จ ของแผนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้


"ส่วนข้อสังเกตว่า ปัญหาอาจจะเกิดจากคุณภาพของสารเคมีที่ใช้ในการทำฝนหลวง ไม่มีประสิทธิภาพนั้น ได้รับการยืนยันว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะในการจัดซื้อสารที่ผ่านมา สำนักฝนหลวงฯเข้มงวดกับเรื่องคุณภาพเป็นอย่างมาก" นายยุคลกล่าว


อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าว "มติชน" รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการประมูลจัดซื้อสารฝนหลวง ยูเรีย 46%N จำนวน 800 ตัน เพื่อนำมาใช้ทำฝนหลวง ของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ประกาศผลไป เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2552 พบว่า อาจจะมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น โดยสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯ ได้ออกประกาศประกวดราคาซื้อด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เลขที่ ป.วส.(สฝษ.) 4/2552 ลงวันที่ 20 มกราคม 2552 กำหนดยื่นเอกสารประกวดราคา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 และเสนอราคาวันที่ 5 มีนาคม 2552


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันยื่นซองประกวดราคา วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 มีผู้มายื่นเอกสารประกวดราคา เพียง 1 ราย เท่านั้น คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) ภูมิสวัสดิ์ คณะกรรมการรับผิดชอบการประมูลจึงพิจารณาให้ หจก.ภูมิสวัสดิ์ ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้น จากนั้นวันที่ 5 มีนาคม 2552 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ภูมิสวัสดิ์ ได้เสนอราคายูเรีย 46%N ในราคาที่ต่อรองแล้วตันละ 17,500.-บาท จำนวน 800 ตัน เป็นเงินทั้งสิ้น 14 ล้านบาท สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯ จึงอนุมัติให้รับราคาจาก หจก.ภูมิสวัสดิ์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดประกวดราคาครั้งนี้ ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯถึงความเหมาะสมเป็นอย่างมาก เพราะกำหนดให้ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-ออคชั่น ที่มีเป้าหมายให้มีผู้ประกอบการเข้ามาเสนอราคาแข่งขันกัน แต่ในการประมูลครั้งนี้ มีบริษัทเพียงแค่รายเดียวที่เข้าร่วมประมูล แทนที่สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯจะยกเลิกเพื่อเปิดให้มีประมูลใหม่ เพราะสารยูเรียที่จัดซื้อไม่ใช่สินค้าหายาก มีผู้ผลิตสินค้าประเภทนี้หลายราย แต่สำนักงานยังเดินประมูลงานต่อ


ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยังนายยุคล ปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง แต่นายยุคลไม่สามารถให้คำตอบได้ โดยให้เหตุผลว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเพื่อขอทราบความชัดเจนอีกครั้ง

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267276061&grpid=no&catid=01




อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
พสกนิกรลงนามถวายพระพรคับคั่ง นร ม6.สุดซาบซึ้ง ชุบชีวิตบ้านแห้งแล้งเพราะฝนหลวง
เครื่องบินทำฝนหลวง ทอ. ฝึงซ้อมตกรันเวย์ นักบินไม่เจ็บ
"ออสเตรเลีย"ขอใช้"ฝนหลวง"สิทธิบัตร"ในหลวง"ในรัฐควีนแลนด์
แทนซาเนีย-ออสเตรเลีย สนใจพระอัจฉริยภาพฝนหลวง
ขอ"ฝนหลวง"ดับไฟ"พรุควนเคร็ง"ป้องกันเพลิงปะทุรอบใหม่
องคมนตรีเตรียมนำคณะทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตร"ฝนหลวง" "ในหลวง"พระราชทานชื่อดอกทิวลิป"คิง ภูมิพล"



--
โปรดอ่าน blog
www.pridiinstitute.com
www.nakkhaothai.com
www.pcpthai.org
http://wdpress.blog.co.uk
http://rsm2009-rsm2009.blogspot.com
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
www.youtube.com/user/naiissarachon#p/a/u/0/34ZvscsnCbA

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กมธ.ทหารเชิญมท.แจง"จีที 200-อัลฟ่า 6" สตง.ชี้พิรุธสั่งซื้อวิธีพิเศษ ขู่หากพบผิดปกติจะส่งพนง.สอบสวน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 23:27:07 น.  มติชนออนไลน์

กมธ.ทหารเชิญมท.แจง"จีที 200-อัลฟ่า 6" สตง.ชี้พิรุธสั่งซื้อวิธีพิเศษ ขู่หากพบผิดปกติจะส่งพนง.สอบสวน

ผอ.อส.ยัน"อัลฟ่า 6"ตรวจเจอสารยาเสพติดจริงถึง 18 ใน 20 ครั้ง รองผู้ว่าการ สตง.พบพิรุธซื้อวิธีพิเศษส่วนใหญ่อ้างเพื่อเจาะจงสินค้า ชี้หากพบผิดปกติเตรียมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการ

ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่มี พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธาน พิจารณาการจัดซื้อเครื่องตรวจค้นหาวัตถุระเบิดและยาเสพติดหรือวัตถุ/สะสาร (อัลฟ่า 6) ของกระทรวงมหาดไทย โดยเชิญนายวันชัย อุดมสิน รองอธิบดีกรมการปกครอง และนายสนิท ขาวสะอาด ผู้อำนวยการกองอาสารักษาดินแดนเข้าชี้แจง


ทั้งนี้ นายสนิทกล่าวชี้แจงว่า กระทรวงมีแผนจัดซื้อทั้งหมด 789 เครื่อง เริ่มจัดซื้อช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2552 ขณะนี้จัดซื้อไปแล้วรวม 479 เครื่อง และมีการแจกจ่ายและฝึกอบรมการใช้ให้กับ อส.รักษาดินแดนไปแล้วหลายพันนาย โดยผู้ใช้คือ อส.ยืนยันว่าใช้ตรวจเจอได้จริง ตอนจัดซื้อก็มีกระบวนการตรวจสอบประสิทธิภาพ เคยมีการทดสอบทางสถิติ สามารถตรวจเจอสารยาเสพติดถึง 18 ครั้ง ใน 20 ครั้ง การจัดซื้อแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ครั้งแรกประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์หรืออี-ออคชั่น ผู้ชนะคือบริษัทยูจีซี เสนอราคาเครื่องละ 7.2 แสนบาท แบ่งเป็นตัวเครื่อง 5 แสนบาท และซิมตรวจยาบ้าและยาไอซ์ซิม ละ 1 แสนกว่าบาท ประมูลครั้งที่ 2 ใช้การจัดซื้อวิธีพิเศษทำให้ราคาถูกลงเหลือ 6 แสนกว่าบาท ประหยัดงบฯไปได้ทั้งหมด 19 ล้านบาท โดยบริษัท เปรโตเป็นผู้ชนะการประมูล


ขณะที่นายเชน เทือกสุบรรณ กมธ.จากพรรคประชาธิปัตย์ ขอรายละเอียดทีโออาร์ทั้งหมด รวมถึงหลักคิดและความจำเป็นในการซื้อทั้งหมด เพราะคิดว่าเป็นการซื้อที่ง่ายไป ส่วน พ.ต.ท.สมชาย ซักถามถึงกระบวนการจัดซื้อและรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง และขอดูบริคณห์สนธิของทั้ง 2 บริษัทผู้รับงาน และในปี 2552 ที่มีการจัดซื้อ ใครเป็นรัฐมนตรี นายวันชัยตอบว่า "เราซื้อทั้งหมด 2 ครั้ง และในปี 2552 ก็คือรัฐมนตรีคนปัจจุบัน"


จากนั้น ที่ประชุมพิจารณาความคืบหน้าการดำเนินการภายหลังตรวจสอบพบเครื่องจีที 200 ไม่มีประสิทธิภาพ โดยนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าชี้แจงการดำเนินการสอบสวนในส่วนของ สตง.ว่า เท่าที่ สตง.พบมีปัญหาเพียง 2 ชนิด คือ จีที 200 และ อัลฟ่า 6 และมีอย่างน้อย 8 หน่วยงานที่มีเครื่องมือเหล่านี้ใช้อยู่ หรืออาจมากกว่านั้น


นายพิศิษฐ์กล่าวว่า เรื่องกระบวนการตรวจสอบ เริ่มมีการส่งสัญญาณมาให้ สตง.ตรวจสอบตั้งแต่ปี 2548 กองทัพอากาศซื้อก่อน เริ่มต้น 2 ตัวๆ ละ 9 แสนบาท ที่จริงวงเงิน 9 แสนบาท สามารถใช้วิธีซื้อแบบสอบราคาตามปกติได้ แต่กองทัพอากาศใช้วิธีพิเศษ ก็ต้องตรวจสอบต่อไป แต่เหตุผลส่วนใหญ่มักจะระบุว่าเนื่องจากใช้วิธีพิเศษเพื่อเจาะจงสินค้าและบริษัทผู้เชี่ยวชาญโดยตรง สำหรับจีที 200 นั้นมีบริษัทเพียงบริษัทเดียวที่รับงาน คือบริษัท เอวีเอ ซึ่ง สตง.ก็ต้องตรวจสอบย้อนหลังไปถึงที่มาทั้งหมด ว่ามาได้อย่างไร ซึ่งก็รู้กันดีว่า ปี 2548 ใครเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และปี 2550 ใครเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)


"จากการตรวจสอบอัลฟ่า 6 สตง.พบข้อสังเกตบางประการ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างที่มีหลายบริษัทเข้าแข่งขันกัน มันไม่ใช่ธรรมเนียมที่ของชิ้นเดียว แต่ไปตั้งให้มีหลายบริษัทมาแข่ง แล้วฟันราคากัน ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะสินค้าลักษณะนี้ไม่ใช่จะขายกันบ่อยเหมือนมอเตอร์ไซค์ ที่ต้องมีหลายบริษัทมาแข่งกัน เพราะไม่ว่าจะกี่บริษัท แต่ก็ต้องมีต้นทุนนำเข้าลักษณะเดียวกัน ดังนั้น ในการตรวจสอบ สตง.จะวิเคราะห์ที่มาของต้นตอทั้งหมด ส่วนจีที 200 มีข้อสังเกต เพียงหน่วยงานทหารและสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ที่ซื้อวัตถุประสงค์ใหญ่ที่ซื้อจีที 200 จึงเพื่อตรวจระเบิด เป็นเรื่องความปลอดภัย ดังนั้น เมื่อความปลอดภัยในห้องทดสอบสี่เหลี่ยมยังไม่เจอ แล้วความปลอดภัยในทุ่งหญ้าจะหาเจอได้อย่างไร เมื่อมีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์แล้ว สตง.คงไม่ทำซ้ำอีก ขณะนี้เครื่องจีที 200 ที่มีในกองทัพบกกว่า 500 ตัว ในกองทัพอากาศ และ ราชองครักษ์ 3 ตัว จะมีปัญหาหรือไม่ หากไม่มีมาตรฐาน ต่อไปอาจมีการตั้งชื่อเป็นรุ่น เช่นรุ่นสมเด็จวัดระฆังก็ได้ ที่ผ่านมา สตง.ได้แจ้งเตือนไปหลายรอบแล้ว ดังนั้น ถ้าพบความผิดปกติก็ต้องส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป" นายพิศิษฐ์กล่าว


นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ประสานงานกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เพื่อนัดหมายวัน-เวลาในการตรวจสอบเครื่องอัลฟ่า 6 พร้อมกำหนดแนวทาง วิธีการ และหาคณะกรรมการในการตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องหยุดใช้อัลฟ่า 6 เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดประมาณ 30 จังหวัด ได้ทำรายงานถึงกระทรวงว่าสามารถชี้เป้าและจับกุมคดียาเสพติดได้เป็นล้านๆ เม็ด ดังนั้น ยังต้องใช้อยู่ ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยได้สั่งซื้ออัลฟ่า 6 ให้ผู้ว่าฯจังหวัดละ 6-10 เครื่อง เพื่อใช้แก้ปัญหายาเสพติด


คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการ วท.กล่าวว่า ได้ประสานกับกองทัพว่าจะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อชี้แจงผลการทดสอบเครื่องจีที 200 ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเข้าใจ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปัตตานียังใช้"จีที200" บอกผู้ใหญ่ยังไม่สั่งเก็บ
"กัลยา"เตรียมลง 3 จว.ใต้ ชี้แจงเจ้าหน้าที่ให้ยกเลิกใช้ จีที200
"บุญจง"พร้อมลงใต้แจงเลิกใช้จีที200-ส่งอัลฟ่า6ให้ทุกจังหวัดตรวจยาเสพติด
ก.วิทย์ฯไอเดียบรรเจิดเตรียมผลิตเครื่องตรวจบึ้มแทนจีที 200
"มาร์ค"สั่ง"สาทิตย์"ดูกม.เอาผิดบ.จำหน่ายจีที 200 เล็งตั้งกก.หาช่องฟันอาญา-แพ่ง คาด2สัปดาห์ได้ข้อสรุป
"กัลยา"เล็งลงใต้แจง"จีที200" เเตรียมคุย"เจษฎา"ร่วมสอบ"อัลฟ่า6"
กมธ.ความมั่นคงสภาฯเตรียมตรวจสอบเพิ่มฮั้วประมูล"จีที 200"
กอ.รมน.ภาค4ยันจนท.ใช้"จีที200"ตรวจไม่ถึงที่บึ้มโคกโพธิ์
นายกฯ มอบ"สาทิตย์"ดูข้อ กม.เอาผิด ผู้ผลิต-ผู้จำหน่ายจีที200
หน่วยกู้บึ้มชายแดนใต้ยังใช้ "จีที 200" แต่เพิ่มการข่าว-มวลชน
พท.ยื่นป.ป.ช.สอบ"อนุพงษ์"เอี่ยวจัดซื้อจีที200 เล็ง"มาร์ค"รายต่อไป เอื้อประโยชน์ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่


--
โปรดอ่าน blog
www.pridiinstitute.com
www.nakkhaothai.com
www.pcpthai.org
http://wdpress.blog.co.uk
http://rsm2009-rsm2009.blogspot.com
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
www.youtube.com/user/naiissarachon#p/a/u/0/34ZvscsnCbA

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ถอดรหัส"คุณหมอพรทิพย์"ดึงดันใช้ จีที 200 "สินค้าเทวดา" ราคาสูงลิ่ว 2 ล้านต่อเครื่อง?



วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 11:24:02 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 

ถอดรหัส"คุณหมอพรทิพย์"ดึงดันใช้ จีที 200 "สินค้าเทวดา" ราคาสูงลิ่ว 2 ล้านต่อเครื่อง? ทั้งที่ผลทดสอบ

ไม่ผ่าน กระทั่งนายกฯสั่งห้ามซื้อเพิ่ม แต่ทำไมหมอพรทิพย์ ถึงมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น "ประชาชาติธุรกิจ"ตามไปดูว่าเธอนั่งทับอะไรอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ? 

  ภายหลังจากคณะกรรมการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจวัตถุระยะไกล Global Technical (จีที 200)  ซึ่งมีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เป็นประธานได้สรุปผลว่าเครื่องจีที 200 ไม่มีประสิทธิภาพและรายงานต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553  โดยนายกฯได้มอบให้คณะกรรมการฯไปทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่นำเครื่องมือดังกล่าวไปใช้งานแต่ยังมีความเชื่อว่าเครื่องมือมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ต้องจัดซื้อเพิ่มเติมอีกต่อไป


      ขณะที่ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าเครื่องมือชนิดดังกล่าวมีประสิทธิภาพ ล่าสุดออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะใช้เครื่องจีที 200 ต่อไป แต่จะไม่สั่งซื้อเพิ่มเติม โดยอ้างว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สถาบันใช้งานได้ดี  เพียงแต่ไม่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์หลักในการเก็บกู้ระเบิด
     เท่ากับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นเพียงหน่วยงานเดียวที่เห็นผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ ชุดคุณหญิงกัลยา "ไม่มีความหมาย" 
     คำถามก็คือเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?


     ในช่วงที่ผ่านมา สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดหรือสารเสพติด ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง จีที 200 และ อัลฟ่า 6 ว่าจัดซื้อเมื่อไหร่  จำนวนเท่าใด และ ซื้อจากใคร? 
      มีเพียงข้อมูลที่หลุดรอดออกมาตามหน้าสื่อระบุว่า จัดซื้อ อัลฟ่า 6 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2551   จาก บริษัท เอ เอส แอล เอ็ม เทรดดิ้ง จำกัด (นางธัญจิรา สมบูรณ์ศิลป์ เจ้าของ ) จำนวน 2 เครื่อง  ราคาเครื่องละ 447,000 บาท รวม 894,000 บาท


      แต่ข้อมูลดังกล่าวอาจไม่ครอบคลุมข้อเท็จจริงทั้งหมด 
      เท่าที่"ประชาชาติธุรกิจ"ตรวจสอบพบข้อมูลดังนี้ 
      ในระหว่างเดือนกันยายน  2550 - สิงหาคม 2552  สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จัดซื้อเครื่องมือตรวจสอบ "ร่องรอยวัตถุระเบิด" และ "ร่องรอยสสาร" อย่างน้อย 5 ครั้ง ได้แก่


      วันที่  14 ก.ย.2550  ซื้อเครื่องตรวจสอบร่องรอยสสารแบบพกพา จำนวน 1 เครื่อง  และ เครื่องมือตรวจสอบร่องรอยสสารแบบตั้งโต๊ะจำนวน 1 เครื่อง จากบริษัท ลอว์ เอ็นฟอร์ซเม้นท์ เทคโนโลยี โซลูชั่นส์ จำกัด วงเงิน 5,348,000 บาท  


      วันที่ 22 ต.ค. 2550 ซื้อเครื่องตรวจจับร่องรอยวัตถุระเบิดแบบพกพาจำนวน 2 เครื่อง  จาก บริษัท เฮอริเทจ อินเตอร์เนชั่นแนลโพร์วายเดอร์ จำกัด วงเงิน 3,980,000 บาท   และ ซื้อเครื่องมือตรวจสอบร่องรอยสสารแบบพกพา จำนวน 1 เครื่อง  จากบริษัท ลอว์ เอ็นฟอร์ซเม้นท์ เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด วงเงิน 1,999,000 บาท  


      วันที่ 25 ธ.ค. 2550  ซื้อเครื่องตรวจสอบร่องรอยสสารแบบตั้งโต๊ะยี่ห้อ SMITHS  จากบริษัท ลอว์ เอ็นฟอร์ซเม้นท์ เทคโนโลยี โซลูชั่นส์ จำกัด วงเงิน 2,999,000 บาท  


     วันที่  30 เม.ย. 2552  ซื้อเครื่องตรวจจับร่องรอยสสารแบบตั้งโต๊ะ ยี่ห้อ SMITHS จำนวน 1 เครื่อง  จากบริษัท ลอว์ เอ็นฟอร์ซเม้นท์ เทคโนโลยี โซลูชั่นส์ จำกัด วงเงิน 3,200,000 บาท


      วันที่ 26 ส.ค. 2552 ซื้อเครื่องตรวจวิเคราะห์วัตถุต้องสงสัย จำนวน 1 เครื่อง  จากบริษัท  แอดวานซ์ เอวิโอนิคส์ แอนด์ เอวิเอชั่น จำกัด (นายเอนก จงเสถียร เป็นกรรมการ -นางสาวอรวรรณ ศรีสุข ถือหุ้นใหญ่ นายเอนกเป็นผู้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง)  วงเงิน 1,900,000 บาท 

  
      น่าสังเกตว่าเป็นการจัดซื้อจากเอกชน คือบริษัท ลอว์ เอ็นฟอร์ซเม้นท์ เทคโนโลยี โซลูชั่นส์ จำกัด เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีนายธงชัย ล่ำซำ ถือหุ้นใหญ่ อยู่ในเครือข่ายเดียวกับบริษัทผู้จำหน่ายหวยออนไลน์ชื่อดังซึ่งกำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้


       และยังพบว่าบางรายการ อาทิ เครื่องมือตรวจสอบร่องรอยสสารแบบพกพา จำนวน 1 เครื่อง  จากบริษัท ลอว์ เอ็นฟอร์ซเม้นท์ เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด วงเงิน 1,999,000 บาท   ,เครื่องตรวจจับร่องรอยวัตถุระเบิดแบบพกพาจำนวน 2 เครื่อง  จาก บริษัท เฮอริเทจ อินเตอร์เนชั่นแนลโพร์วายเดอร์ จำกัด วงเงิน 3,980,000 บาท  และ เครื่องตรวจวิเคราะห์วัตถุต้องสงสัย จำนวน 1 เครื่อง  จากบริษัท  แอดวานซ์ เอวิโอนิคส์ แอนด์ เอวิเอชั่น จำกัด วงเงิน 1,900,000 บาท 


       หากคิดราคาเฉลี่ยต่อเครื่อง ตกเครื่องละเกือบ 2 ล้านบาท  
       ถ้าเทียบกับการจัดซื้อเครื่อง จีที 200 ในหน่วยงานอื่นอย่างกรมสรรพาวุธกองทัพบก จัดซื้อ เกือบ 500 เครื่อง  เครื่องละ 900,000 บาท (จัดซื้อจำนวนมาก)    กรมราชองครักษ์ ที่จัดซื้อ จีที 200  เพียง 3 เครื่อง เครื่องละ 1.2 ล้านบาท


       เท่ากับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จัดซื้อในราคาสูงกว่าหน่วยงานอื่น (ถ้าเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน)
       แทบไม่มีใครรับรู้ข้อมูลดังกล่าว และเข้าไปตรวจสอบว่าผิดปกติหรือไม่ 
       ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ออกมาการันตีถึงประสิทธิภาพเครื่องจีที 200 ในสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ว่าใช้งานได้ดีคล้ายเป็นสินค้าเทวดา 
       ขณะเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่า "คุณหญิงหมอ" กำลังนั่งทับอะไรอยู่หรือไม่?

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1266467136&grpid=no&catid=04
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

แกะพิรุธ เครื่อง"จีที 200-อัลฟ่า 6" "ปู่จิ้น"ซื้อเงียบจาก บ.เครือนักการเมือง 100 ล้าน หล่นกระเป๋าใคร? (ตอน 1)


เครื่อง จีที 200 วิกฤตคนใช้โอกาสคนซื้อ

ไม้ล้างป่าช้าหรือเครื่องตรวจระเบิด ?

บริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ตั้งอยู่แถบบางไผ่ บางแค

ดูกันให้ชัด ๆ


วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 16:20:04 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 

แกะพิรุธ เครื่อง"จีที 200-อัลฟ่า 6" "ปู่จิ้น"ซื้อเงียบจาก บ.เครือนักการเมือง 100 ล้าน หล่นกระเป๋าใคร? (ตอน 1) 

แกะรอยปมจัดซื้อเครื่องตรวจระเบิด- สารเสพติด จีที 200 และ อัลฟ่า 6 ของหน่วยงานรัฐ พบกระทรวงมหาดไทยของ ปู่จิ้น - ชวรัตน์ ชาญวีรกูล สั่งซื้อ 3 ลอตกว่า 500 เครื่อง ราคาไม่เท่ากัน คิดส่วนต่างราคาเป็นเงินถึง 100 ล้านบาท พิรุธเอกชน 2 รายเป็นเครือข่ายเดียวกันของนักการเมืองดัง 


 

       กรณีเครื่องตรวจวัตถุระยะไกล Global Technical (จีที 200)  กำลังเป็นที่ถกเถียงกันว่ามีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงหรือไม่ 
       ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี สั่งให้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เป็นเจ้าภาพในการระดมผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เป็นข้อยุติและยอมรับจากทุกฝ่าย  ถ้าผลพิสูจน์ออกมาแล้วใช้ไม่ได้ ก็ต้องตรวจสอบว่าการจัดซื้อมีความโปร่งใส
      "ถ้าหากว่ามันใช้ไม่ได้คงต้องย้อนกลับไปดูที่มาที่ไปอีกครั้ง แต่เฉพาะกรณีของจีทีจะมีหลายยี่ห้อที่มีลักษณะคล้ายๆกันอยู่เฉพาะจีทีจะมีลูกค้าอยู่ เป็น 10 ประเทศ มีการซื้อกันค่อนข้างแพร่หลายพอควรทั้งที่เป็นจีทีและยี่ห้ออื่นๆ ของไทยมียี่ห้อจีทีกับอัลฟ่า-6"นายกฯกล่าว 
      ก่อนหน้านี้ นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์  นักวิชาการจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ออกมาตั้งข้อสงสัยว่าไม่มีประสิทธิภาพ มีความผิดพลาดในการตรวจหาวัตถุระเบิด ทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก อีกทั้งหลายประเทศเลิกใช้แล้ว 
      ขณะที่คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ผู้มีประสบการณ์ตรงกับเครื่อง จีที 200 ออกมาตอบโต้ว่าเครื่องมือชนิดนี้มีความแม่นยำสูงมาก โอกาสผิดพลาดมาจาก 2 ปัจจัยคือ 1.ผู้ใช้มีความเหนื่อยล้า กับ 2.ใส่การ์ดผิดชนิด  
      "เนื่องจากจีที 200 ใช้พลังสนามแม่เหล็กจากตัวคนใช้เพื่อค้นหาสนามแม่เหล็กของสสารที่ต้องการตรวจจับ ด้วยเหตุนี้คนใช้งานต้องมีร่างกายพร้อม ถ้าเหนื่อยล้า อดนอน หรือไปดื่มเหล้ามาจะใช้ไม่ได้ผลเลย"หมอพรทิพย์กล่าว
       มีหน่วยงานหลายแห่งถูกระบุว่า สั่งซื้อ จีที 200 และ อัลฟ่า 6  ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กองทัพบก กองทัพอากาศ สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมศุลกากร 
       ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยนั้น  นายวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง  ออกมายอมรับว่า ได้สั่งซื้อเครื่องอัลฟ่า 6 จำนวน 726 เครื่อง ราคาเครื่องละ 7.2 แสนบาท เพื่อส่งมอบให้อำเภอตามแนวชายแดนได้ใช้ตรวจหายาเสพติด  โดยนำเข้าจากประเทศอังกฤษ ซึ่งผลดำเนินการได้ผลน่าพอใจ สามารถตรวจสอบทะลุฝาผนังกำแพงได้ระยะทางถึง 200 เมตร
      ล่าสุด "ประชาชาติธุรกิจ"ตรวจสอบพบหน่วยงานในกระทรวงมหาดไทยจัดซื้อ อัลฟา-6 อย่างน้อย 3 ครั้ง 
     ครั้งแรกจัดซื้อโดยกรมการปกครอง เมื่อวันที่  12 มี.ค.2552  จำนวน 63 เครื่อง วงเงิน 33,450,000 บาท จากบริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ตกราคาเครื่องละ 530,952 บาท 
     ครั้งที่ 2  จัดซื้อโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (ที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ต)  เมื่อวันที่  27 ก.ค. 2552  จำนวน 2 เครื่อง วงเงิน  1,100,000  บาท  จากบริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง ตกราคาเครื่องละ 550,000 บาท
     ครั้งที่ 3 จัดซื้อลอตใหญ่โดยกรมการปกครอง เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2552 จำนวน 479 เครื่อง วงเงิน  349,430,500 บาท  จาก บริษัท เปโตรกรุงเทพฯ จำกัด ตกราคาเครื่องละ 729,500 บาท (ราคาใกล้เคียงกับที่นายวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ชี้แจงกับสื่อมวลชน) 
      จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และ บริษัท เปโตรกรุงเทพฯ จำกัด มีความเชื่อมโยงกัน  โดยผู้ถือหุ้นอย่างน้อย  1 คนถือหุ้น เป็นกรรมการทั้ง 2 บริษัท 
      บริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด แจ้งข้อมูลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่าขายเครื่องปรับอากาศ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ส่วนบริษัท เปรโตกรุงเทพฯ จำกัด ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง     (อ่านข้อมูลประกอบด้านล่าง) 
      น่าสังเกตว่า การจัดซื้อครั้งที่ 3 มีราคาสูงว่าครั้งแรกกับครั้งที่ 2  เครื่องละประมาณ 2 แสนบาท  
      เท่ากับมีส่วนต่างเกิดขึ้นเกือบ 100 ล้านบาท 
      ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2551  กองพลาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งซื้อ เครื่อง อัลฟ่า 6 จำนวน 4 เครื่อง   จาก บริษัท เอ เอส แอล เอ็ม เทรดดิ้ง จำกัด (ของนางธัญจิรา สมบูรณ์ศิลป์)  ในราคา 1,960,000 บาท หรือเครื่องละ 490,000 บาท เท่านั้น 
      ผู้สื่อข่าวเดินทางไป ตรวจสอบที่ตั้งบริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เลขที่ 151/135 หมู่ 9 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ    พบว่าอยู่ในหมู่บ้านราชพฤกษ์ ย่านพุทธมณฑล สาย 2  มีป้ายเขียนข้อความเป็นบริษัท  ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด แต่ภายในบ้านไม่ได้แสดงว่าขายเครื่องปรับอากาศแต่อย่างใด 
     (ตอนหน้า เปิดข้อมูลการจัดซื้อ เครื่อง จีที 200 ของกองทัพบก แบบละเอียดยิบ ? ) 
  .........
 
    ผู้ถือหุ้น 2 บริษัท - เครือข่ายเดียวกัน  
      บริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่  24 กรกฎาคม 2540   ประกอบธุรกิจจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ อุปกรณ์ไฟฟ้า ทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท  ที่ตั้งเลขที่ 151/135 หมู่ 9 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ    
 
      นายศิริพงษ์ บวรวัฒนะ และ นายวรวิทย์ บวรรัตนะ ถือหุ้นใหญ่ในช่วงก่อตั้ง  
       วันที่ 8 พฤศจิกายน 2551 (ก่อนทำสัญญาจัดซื้อครั้งแรก) นายณธกร  ภูชัชวนิชกุล ถือกหุ้นใฆย่ 29,750 หุ้น นายวรวิทย์ บวนรัตนะ 5,875 หุ้น นายชูเกียรติ ภูชัชวนิชกุล  24,275 หุ้น   นายคำนึง สุพรรณ์ 15,000 หุ้น   นายเฉลิมพล กาญจนากร 15,000 หุ้น  นายชาญเดช ภูชัชวนิชกุล 10,000 หุ้น  และนายสนิตย์ สหายเจริญ 100 หุ้น  มีนายชูเกียรติ ภูชัชวนิชกุล เป็นกรรมการ 
       จากการตวรจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2552  บริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด  เป็นผู้ขายกล้องวีดีโอกระดุม จำนวน 115 ชุด  วงเงิน  6.7 ล้านบาท ให้ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
       และขายกล้องตรวจจับรังสีความร้อนติดตั้งประกอบปืน M 16  ให้กรมการทหารช่าง จังหวัดราชบุรี  วงเงิน  9 ล้านบาท เมื่อวันที่  30 กันายน  2552 อีกด้วย

       ส่วนบริษัท เปโตรกรุงเทพฯ จำกัด ก่อตั้งวันที่  18 ตุลาคม 2536  ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ทุนจดทะเบียน 130 ล้านบาท  ที่ตั้งเลขที่  580/1 ซอยรามคำแหง 39 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ  เดิมบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง  จำกัด ถือหุ้นใหญ่ ร่วมกับ นายดำรงค์ รัตนลีลาศ และนายอดุลย์ ฉายรัตน์ และนายสมศักดิ์ เอกเอื้อมณี  
       วันที่ 24 มีนาคม 2551 นางฉัตรแก้ว คชเสนี นางกชกรณ์ พิบูลย์ธรรมศักดิ์  ถือหกุ้นคนละ 350, 000 หุ้น นางสาวภัคจิรา รัชกิจประการ   250,000 หุ้น  นายพิบูลยอัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ นางสาวจันทวรัจฉร์ จันทรศารทูล นางศุภวรรณ รัชกิจประการ นางสาวรุ่งรัศมี โชคอนันต์ตระกูล นายวิชัย แซ่โก คนละ 60,000 หุ้น  และนางสรัญธร จันทรโชติ คนละ 50,000 หุ้น 
       มีนายพิทักษ์ รัชกิจประการ และนางส่าวภัคจิรา รัชกิจประการ เป็นกรรมการ 
       วันที่ 30 มีนาคม 2552  นายพิทักษ์ รัชกิจประการ นางกชกรณ์ พิบูลย์ธรรมศักดิ์   ถือหุ้นใหญ่ คนละ 350,000 หุ้น  นายประทีป มนตรี 250,000 หุ้น  ส่วนคนอื่นไม่เปลี่ยนแปลง นายประทีป มนตรี เป็นกรรมการ 
       วันที่ 6 มิถุนายน 2552  (ก่อนทำสัญญากับกรมการปกครอง)  นายประทีป มนตรี  ถือหุ้นใหญ่ 700,000 หุ้น นายชูเกียรติ ภูชัชวนิชกุล ถือ 300,000 หุ้น  และ นายพิบูลยอัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ ถือหุ้น 300,000 หุ้น นายประทีป มนตรี เป็นกรรมการ 
       จาการตรวจสอบพบว่าหน่วยงานที่ บริษัท เปโตรกรุงเทพฯ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ 
      โครงการจ้างเหมาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบริเวณแหลมโพธิ์ทะเลสาบสงขลา ต.คูเต่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ร่วมกับ บริษัท เอส.ซี.เอส.ดีเวลลอปเม้นท์ วงเงิน 47.5 ล้านบาท (ปี2547)ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา 
      งานปรับปรุงภูมิทัศน์สวนสาธารณะเทศบาลเมืองชุมพรระยะที่2  วงเงิน  55.8 ล้านบาท  (ปี 2548)  เทศบาลเมืองชุมพร 
      งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ของเทศบาลเมืองชุมพร วงเงิน  53.6 ล้านบาท   (ปี 2549) 
      ก่อสร้างโรงเรียนอนุบาลในฝันเทศบาลนครหาดใหญ  วงเงิน 38.4 ล้านบาท   (ปี 2550)  
      ทั้งนี้ บริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง นั้นเคยบริจาคเงินให้พรรคราษฎร ขณะนายวัฒนา อัศวเหม เป็นหัวหน้าพรรคและเคยเป็นผู้บริจาคเงินให้ประชาธิปัตย์เมื่อหลายปีก่อนอีกด้วย        ..........

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1265257568&grpid=no&catid=03
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Chezplayers : Playstory : นิทาน : นิทานการเมือง เรื่องยักษ์กับมังกร

Chezplayers : Playstory : นิทาน : นิทานการเมือง เรื่องยักษ์กับมังกร

นิทานการเมือง เรื่องยักษ์กับมังกร

Shivan Dragon 5/5 Flying

เขาดึงตราผนึกชิ้นสุดท้ายออกจากหีบศิลานั้น เผยให้เห็นแผ่นจารึกแห่งมังกรชิวานในตำนาน จารึกนั้นเขียนด้วยภาษาโบราณ บอกถึงพลังและวิธีการในการคลายผนึก...

เด็กหนุ่มท่องอ่านเวทย์ที่ได้รับมา รวบรวมพลังเวทย์แห่งไฟหกหน่วยบรรจุลงไปในแผ่นจารึก เจ้ามังกรจารึกนั้นพลันขยับปีกและส่งเสียงร้องจนถ้ำนั้นสะเทือนปานถล่ม เด็กหนุ่มตั้งจิตอธิษฐาน เจ้ามังกรยักษ์หลุดพ้นจารึกเผ่นโผนออกจากถ้ำ เหยียดขยายปีกเข้าต่อสู้กับยักษ์ใหญ่ตัวเท่าขุนเขา

=======================================
นี่คือวิธีเดียวที่จะกำราบเจ้ายักษ์นี้ได้ ... ยักษ์กิอาผู้พิทักษ์ดินแดน แต่กลับมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปในช่วงหลังๆ มันเรียกร้องมากขึ้น ข่มเหงชาวเมืองมากขึ้น และนอกจากนี้เจ้ายักษ์ยังเรียกร้องพลังเวทย์เขียวแห่งพงษ์ไพรสองหน่วยทุกๆ ปี เป็นค่าคุ้มครอง ซึ่งชาวบ้านก็ต้องตัดไม้ในป่าเพื่อมาสร้างเวทย์สีเขียวเพื่อหล่อเลี้ยงเจ้า ยักษ์ กระนั้น, มันก็หาได้จงรักภักดีต่อประชาชนไม่ ด้วยร่างกายอันใหญ่คับฟ้า เหยียบย่ำไปที่ไหน ความเสียหายก็เกิด ความตะรุมตะกรามของมัน ก็ทำให้มันกินทรัพยากรของเมืองเข้าไป รวมทั้งเหยียบกระทืบคนที่ร้องขัด

คำวินิจฉัยของชาวเมือง คือ ต้องปลดปล่อยวิญญาณแห่งมังกรชิวาน คู่ปรับแต่ครั้งดึกดำบรรพ์ของยักษ์กิอาขึ้นมาเพื่อกำราบ เพื่อให้ยักษ์กิอาถูกผนึกลงในแผ่นจารึกอีกครั้ง

มังกรชิวานต่อสู้กับยักษ์กิอาอย่างเต็มกำลัง ประกอบกับชาวเมืองผู้สามารถเรียกพลังเวทย์เพลิงจากธาตุแห่งขุนขาได้ ได้ส่งเวทย์เพลิงเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้แก่มังกรชิวานเรื่อยๆ แม้ตัวมันจะมีพลังน้อยกว่ายักษ์กิอา แต่ความที่มันบินได้ และสามารถเรียกเวทย์สีแดงเพื่อเพิ่มพลังโจมตีได้เรื่อยๆ ทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสี และในทีสุด ยักษ์กิอาก็ไม่อาจทนไฟร้ายแห่งมังกรได้อีกต่อไป และล้มลงกับพื้น จริงอยู่ยักษ์กิอามีความสามารถในการฟื้นชีวิตได้ด้วยพลังเวทย์เขียว แต่ในวันนี้ ไม่มีใครที่จะให้พลังเวทย์เพื่อการฟื้นฟูแก่มันอีก ยักษ์กิอาจึงสิ้นฤทธิ์ ร่างใหญ่ปานขุนเขาหลดเล็กลงเป็นแผ่นจารึก

ประชาชนโห่ร้อง เจ้ายักษ์ทรราชล้มลงแล้ว มันถูกจับไปจองจำไว้ในป่าใหญ่ในสภาพของแผ่นจารึก ซึ่งจะผนึกไว้ในหีบศิลาที่ปิดตาย มันจะไม่สามารถข่มเหงบีฑาใครได้อีก

เจ้ามังกรชิวานกลายมาเป็นผู้พิทักษ์แห่งเมืองแทนยักษ์กิอานับแต่บัดนั้น

=======================================
และเวลาก็จำเนียรกาลผ่านไปอีกสิบร้อยปี,

เวลาที่ผ่านไป มังกรแห่ชิวานผู้ทรงอำนาจ มันได้รับการป้อนเวทย์แห่งไฟเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังอยู่เรื่อยๆ มันชอบพลังเวทย์ไฟ และมันรับใช้แก่ทุกคนผู้ป้อนพลังเวทย์เช่นว่านั้นแก่มัน มีคนไม่กี่กลุ่มที่สามารถสื่อสารกับมังกรได้ คนกลุ่มนั้นมีอำนาจขึ้นเรื่อยๆ ชาวเมืองไม่ไว้วางใจคนกลุ่มนั้นและมังกร เนื่องจากว่าเกิดเพลิงไหม้ขึ้นหลายต่อหลายครั้งในเมืองโดยพลังไฟของมังกร ในที่สุด คนก็เรียกร้องให้เจ้ามังกรและพวกจำกัดตัวลงเหลือเพียงการคุ้มครองดินแดนอยู่ ห่างๆ แต่คำตอบจากมังกรและเหล่าคนใกล้ชิด คือการเผาผลาญผู้เรียกร้องให้ไหม้เป็นจุลไปด้วยเพลิงแห่งชิวาน

พลัน มังกรและพรรคพวกก็ควบคุมเมืองให้อยู่ในความสงบ นักปราชญ์กลุ่มหนึ่งหลบหนีออกไปตั้งกลุ่มต่อต้านในป่าลึก หาวิธีที่จะหยุดยั้งอหังการณ์แห่งมังกรเพลิงร้าย แต่พลังของมนุษย์จะหยุดเจ้าอสูรที่มีพลังเวทย์เกือบไม่จำกัดนั้นก็ยาก

ใครคนหนึ่งเสนอให้ต้องปลดปล่อยวิญญาณแห่งยักษ์กิอา คู่ปรับแต่ครั้งดึกดำบรรพ์ของมังกรชิวานขึ้นมาเพื่อกำราบ เพื่อให้มังกรชิวานถูกผนึกลงในแผ่นจารึกอีกครั้ง

การปลุกยักษ์กิอาต้องใช้เวทย์เขียวแห่งไพรถึงห้าหน่วย และยังต้องคอยจ่ายเวทย์นั้นเพื่อฟื้นพลังให้แก่มันอยู่เสมอด้วย แต่ชาวเมืองไม่มีทางเลือกใดไปมากกว่านี้แล้ว ต้นไม้ในป่าถูกโค่นเพื่อนำมาสังเคราะห์เป็นเวทย์เขียว

เด็กหนุ่มผู้ถูกเลือก รับบัญชาเป็นผู้คลายผนึกในแผ่นจารึกนั้น เขาเดินทางเข้าไปในป่าลึก ในถ้ำที่ยักษ์กิอาถูกผนึกอยู่ เขาหาหีบศิลาจนพบ คลายผนึกด้วยวิธีที่ได้รับสอน

=======================================
เขาดึงตราผนึกชิ้นสุดท้ายออกจากหีบศิลานั้น เผยให้เห็นแผ่นจารึกแห่งยักษ์กิอาในตำนาน จารึกนั้นเขียนด้วยภาษาโบราณ บอกถึงพลังและวิธีการในการคลายผนึก...

Child of Gaea 7/7 Trample


นึกยังไง ?
ในบรรดางานเขียนช่วงหลังๆ ผมชอบงานชิ้นนี้ที่สุด
เพราะมันอธิบายสภาพ “การเมืองไทย” ได้ดีที่สุด และผมขอรับรอง (หรืออาจจะกึ่งๆท้า) ว่า นิทานเรื่องนี้จะทันสมัยเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปี แม้กระทั่งตราบจนผมสิ้นชีวิต มันก็จะยังคงทันสมัยอยู่ ตราบเท่านิสัยคนไทย ยังนิยมการแก้ปัญหาแบบ “ปลุกมังกรมาฆ่ายักษ์”

บุญชิต ฟักมี
12 พฤศจิกายน 2548

Facebook | Supachai Saibut จดหมายจากมนูญกฤตถึงเปรม (อีกครั้ง)

Facebook | Supachai Saibut จดหมายจากมนูญกฤตถึงเปรม (อีกครั้ง)
จดหมายจากมนูญกฤตถึงเปรม (อีกครั้ง)
๑๐๖/๕ ซอยลาดพร้าว๓๕
ถ.ลาดพร้าว แขวงจันทน์เกษม
เขตจตุจักร กทม. ๑๐๙๐๐

๙ กันยายน ๒๕๕๑

กราบเรียน ฯพณฯ ประธานองคมนตรี (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
๑. กระผมมีเรื่องเรียนว่า ติดใจตลอดเวลาเกี่ยวกับคำพูดของฯพณฯถึงผมว่า “คนชั่วอย่างมนูญเป็นประธานวุฒิได้ยังไง ?”
เอา เรื่องประธาณวุฒิ กระผมได้รับการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ และเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมของวุฒิสภา ผมได้คะแนน ๑๑๔ เสียง ในขณะคนที่ ๒ ได้ ๒๘ เสียง ผมจึงได้เป็นประธานวุฒิสภาครับ
๒. ฯพณฯ ได้สั่งไม่ให้กระทรวงกลาโหมรับผมกลับเข้ารับราชการ คนที่ไปขอให้ผมและบอกผมคือ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์
๓. ฯพณฯ สั่งยิงและเก็บผม(ซึ่งเรื่องนี้ได้คุยกับ ฯพณฯ แล้ว เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๓๑ ตอนผมกลับมาจากประเทศเยอรมัน) คนที่บอกผมมีหลายคนและมีพฤติกรรมดังนี้
๔. ฯพณฯ เล่นการเมืองกับผมตั้งแต่ 1 เมษายน ๒๕๒๔ และผมเสนอให้ ฯพณฯ เข้าเฝ้าในหลวงตอนหัวค่ำเพื่่่่่อขอ พระราชทานคำแนะนำ แต่ ฯพณฯบอกผมว่า ดึกแล้วไม่รบกวน แต่พอ พ.อ.ประจักษ์ ฯ จะยิง ฯพณฯท่าน ฯ ก็ให้ผมช่วย ผมก็ช่วย ทำให้ พ.อ.ประจักษ์ ฯ ไม่ยิง ฯพณฯ ท่าน
- คราวนี้ถึงข้อที่ผมติดใจว่า คนชั่วในความคิดของ ฯพณฯท่าน, ในสายตาของ ฯพณฯ ท่านผมไม่ทราบว่า ฯพณฯ ท่านพิจารณาจากปัจจัยอะไร ? ผมอยากทราบจริงๆ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมอยากให้ ฯพณฯท่านพิจารณาตนเอง(รูป-นาม) ว่า ฯพณฯ จากที่เป็นแม่ทัพภาคที่ ๒ มาเป็นผู้ช่วยบัญชาการทหารบกนั้นเป็นอย่างไร ฯพณฯ มีเพื่อนเพียงไม่เกิน ๕ คน คือ พล.ต. สุดสาย,พล.อ.ประจวบ,พล.อ.ไพจิต,พล.ท.สท้าน ในขณะนั้น ฯพณฯ พูดกับ รณชัย(ปี้ด) ว่า ฯพณฯ ท่านคงเกษียนแค่ผู้ช่วยผู้บัญชา การทหารบก แต่ผมคิดว่า เหล่าม้า เราหาคนดียาก ผมจึงนำเสนอเพื่อน ขอร้องให้พิจารณา ฯพณฯ เมื่อส่วนใหญ่เห็นด้วย ผมกับ พ.ท. ชัยชาญ เทียนประภาส จึงไปขอความกรุณาจาก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมในขณะนั้น(กลางเดือน กันยายน ๒๕๒๑) ตอนแรก ฯพณฯ ถามผมว่าจะเอา พล.อ. เสริม ณ นคร ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกในขณะ นั้น ไปอยู่ที่ไหน แล้ว ๕ เสือ ทบ.เก่า อาวุโสกว่าทั้งนั้น เขาจะว่าอย่างไร ผู้ใหญ่ใน ทบ. , บก.สส.(เสือป่า) ในกลาโหม ขณะนั้นไม่มีผู้ใดเห็นด้วยเลยกับการที่ ฯพณฯ ท่าน จะเป็นผู้บัญชาการทหารบก โดยไปไล่ พล.อ.เสริม ณ นคร ฯพณฯท่าน ทราบไหมว่า ? ทำไมท่านจึงได้เป็นผู้บัญชาการ ทหารบก ๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ ข้ามผู้ใหญ่หลายคน และดันพล.อ. เสริม ณ นคร ซึ่งเป็นผบ.ทบ. ไปเป็น ผบ.สส.ด้วยความที่ ฯพณฯ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ต้องเสียสละให้ ฯพณฯท่าน ส่วนพล.อ. เสริม ฯ ต้องเสียใจมาก แต่ท่านดีใจบนความไม่สบายใจของอื่นแล้วท่านเคยถามผมสักคำ ไหมว่า ผมกับ พ.ท.ชัยชาญ เทียนประภาส ต้องปฎิบัติการอย่างไร ผมต้องทำทุกอย่างให้ ฯพณฯ ท่านเป็น ผบ.ทบ.ใน เดือนตุลาคม ๒๕๒๑ ให้จนได้ ในที่สุด ๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ ท่านก็ได้เป็น ผบ.ทบ. ท่ามกลางคนด่า ผมถูกรุ่นพี่ จปร.๕-๖ ด่าทุกวัน ท่านรู้ไหมครับ ? เขาด่าว่าผมทำลายระบบกองทัพบก อีกอย่างท่าน ฯพณฯ ไม่มีผลงานอะไร? ที่เป็นการริเริ่มและโดดเด่น และเป็นต้นเหตุให้เกิดการแตกความสามัคคีในกองทัพ

แม่ทัพภาค ๑ (พล.ท.อำนาจ ดำริห์การ) เรียกผมไปพบที่กองทัพภาคที่ ๑ ในขณะที่ผมเดินทางไปทหารราบ ร๑รอ. เขาเตรียมกำลัง เบิกอาวุธกันแล้ว แต่ถูก คุณหญิงแสงเดือนบอก พล.อ.เสริม ณ นคร ให้หยุดท่านจึงหยุด มิฉะนั้น เช้าวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ คงได้มีการปะทะกันระหว่าง ทหารม้า(ผม) กับทหารราบแล้ว ฯพณฯ ท่านเคยทราบบ้างไหมครับ ? แล้ว ฯพณฯ ท่านก็เสวยสุข เอาแต่เพื่อน ๆ และคนคอยประจบสอพลอ มาใช้อย่างใกล้ชิด ทำผิดระบบ “คุณธรรม” ( MERIT SYSTEM) ทางการ จึงทำให้ทหารซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการปัองกันประเทศต้อง อ่อนแอลง นับตั้งแต่ ฯพณฯ เป็น ผบ.ทบ. เป็นต้นมา แล้ว ฯพณฯรู้ไหมว่า จะมีคนยิง ฯพณฯ ที่หนองคุง แต่ผมก็ต้องเอาตัวผมกัน ฯพณฯท่านไว้ ที่ผมเล่ามานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งตอนที่ ฯพณฯ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก เมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ ผมชั่วใช่ไหมครับ ?
สมัคร สุนทรเวช สัมภาษณ์ ด่าว่าเอาหมาขี้เรื้อนที่ไหนมาเป็น ผบ.ทบ.พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิต รู้จึงได้ไปว่านายสมัคร ครับ ผมชั่วใช่ไหมครับ? ที่ทำให้ท่านเป็นผู้บัญชาการท หารบก ฯพณฯ ท่านครับ ใครเป็นคนไปกับ ฯพณฯ ที่เข้าไปพักบ้านสี่เสา จนถึงปัจจุบัน ทั้งที่ พล.อ กฤษณ์ สีวะรา บอกผมว่า บ้านสี่เสาอนุญาตให้ พล.ร.อ สงัด ชะลออยู่ พักแทนท่านเพราะตอนนั้นท่านอยู่ สวนพุดตาน ผมชั่วใช่ไหมครับ ? ฯพณฯ ท่านสั่งยิงผม ทั้งๆ ที่ผม SAFE ชีวิตฯพณฯท่าน ตลอดเวลา ทำคุณบูชาโทษ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเป็น ผบ.ทบ.ของ ฯพณฯ ท่าน ยังมีอีกครับ
ส่วนตอนที่สอง คือ เดือนพฤกษภาคม ๒๕๒๒ ฯพณน ท่านเป็นรัฐมนตรีการกลาโหม และตอนที่สาม คือ เดือนมีนาคม ๒๕๒๓ ฯพณฯท่านเป็นนายกรัฐมนตรี (แล้วผมจะอธิบายรายระเอียดในการปฎิบัติที่แสนยากเข็นอย่างไร? ) รวมทั้ง เบื้องหลัง ๑ เมษายน ๒๕๒๔ และ ๙ กันยายน ๒๕๒๘ ครับ ...
ในคืนวันหนึ่งกลางเดือนกันยายน ๒๕๒๑ ฯพณฯ จำได้ไหมว่า ฯพณฯ พูดว่า “ต้องเป็นเดี๋ยวนี้”ที่บ้านพัก ผช.ผบ.ทบ. (สวนรื่น) ถ้าไม่ได้ก็ต้องยึดอำนาจ ผมเป็นผู้เรียนฯพณฯว่า ต้องเข้ากราบพระบาททูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อน ฯพณน พยักหน้า ผมก็สั่งเตรียมกำลังหลังจากนั้น ผมและพ.อ.แสงศักดิ์ ฯ พ.ท.ชัยชาญ เทียมประภาส จึงไปบ้าน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ และเข้าไปในคืนวันนั้นเลย และไปเรียนขอตำแหน่งผบ.ทบ.ให้ ฯพณฯ ท่าน ปัญหากองทัพที่เป็นวิกฤตมาจากสมัยท่านเป็น ผบ.ทบ.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้กองทัพอ่อนแอ และแตกความสามัคคีเช่น ปล่อยให้มีการโกงทุกระดับ ทั้งผู้บังคับหน่วย,ข้าราชการทุกระดับ(การจัดซื้อ, จัดจ้าง, รับเหมก่อสร้าง) โดยเฉพาะการจัดซื้ออาวุธยุทธโทปกรณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพ ท่านปล่อยนายทหารที่มีโอกาสโกง ดูผลจากความมั่นคง ร่ำรวย ของนายทหารทุกชั้นยศ ที่ทำงานเกี่ยวกับการเงิน นายทหารที่เคยยากจน เดี๋ยวนี้มั่งคั่ง ,ร่ำรวยผิดปกติ เช่น พล.อ.อู๊ด เบื้องบน ,พล.อ มงคล อัมพรพิสิฐ ,พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร โดยเฉพาะ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ซึ่งกระทำผิดกฎหมายเรื่องบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (เขายายเที่ยง) และยังมีอีกว่า(ครั้งหนึ่งฯพณฯท่านเคยพูดกับผมว่า พล.อ.สุรยุทธ ฯ ไม่มีปมด้อย และ ครั้งหนึ่งเมื่อก่อนเดือนกันยายน ๒๕๒๑ ฯพณฯ ท่านเคยพาพวกผมไปบ้านของ ฯพณฯ ท่านเองที่เขาใหญ่ก่อนที่ ฯพณฯ ท่านจะเป็นผบ.ทบ. )เช่นกัน
ยังมีอีกเรื่องคือ พ.ท.ชัยชาญ เทียนประภาส ยังเป็นคนสำคัญและเป็นหลักช่วย ฯพณฯ ท่านโดยไม่หวังผลอะไรเลย ซึ่งตอนนั้น ฯพณฯ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ฯ เป็นนายกฯ ก็เชื่อในเหตุผลของ พ.ท.ชัยชาญ ฯ และสนับสนุน ฯพณฯ ให้เป็น ผบ.ทบ.
แต่พ.ท. ชัยชาญก็มาถูกยิงที่ จ.อุบลราชธานี ในเขตพื้นที่ กองทัพภาคที่ ๒ ซึ่งตอนนี้ ฯพณฯ ท่านเป็น ผบทบ. รมว.กลาโหม และ นายกรัฐมนตรี จนป่านนี้เวลาล่วงเลยมา ๒๘ ปีแล้ว แต่ฯพณฯ ท่านคงรู้อยู่แก่ใจว่าใครเป็นคนสั่งยิง พ.ท. ชัยชาญ เทียนประภาส ฯพณฯ ท่านต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ฯพณฯ ท่านคิดว่าสมัยนั้น ฯพณฯ ท่านได้ทำถูกต้องตามหลักคุณธรรมและบริหารประเทศดีแล้วหรือ ครับ ?

ขอแสดงความนับถือ
พล.ต. (ลายเซ็น)
( มนูญกฤต รูปขจร )

โทร.๐๒-๕๑๒๕๒๕๒
โทรสาร.๐๒-๕๑๒๒๕๕๒