คาดประมูลเช่ารถเมล์ พ.ย.
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าถึงการดำเนินการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้เช่าเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมาว่า ในวันที่ 1 ตุลาคม กระทรวงคมนาคม จะส่งหนังสือถึงผู้เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อให้ส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการพิเศษเพื่อตรวจสอบความโปร่งใสร่าง ทีโออาร์ (ข้อกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา) และการจัดเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน จากนั้นจะจัดทำรายละเอียดตามมติ ครม.ทั้งเรื่องสถานีเติมก๊าซเอ็นจีวี อู่จอดรถ และแผนโครงการเกษียณก่อนกำหนด คาดว่าจะดำเนินการจัดทำรายละเอียดให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อเปิดประมูลภายในเดือนพฤศจิกายน
"สำหรับผู้ที่จะมาเป็นประธานคณะกรรมการพิเศษ จะต้องหาคนที่พอบอกชื่อแล้วทุกคนเชื่อมั่นและให้การยอมรับได้ทันที" นายโสภณกล่าว และว่า สำหรับอู่จอดรถและค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการเกษียณก่อนกำหนดของพนักงาน ขสมก. เป็นเรื่องที่ต้องใช้งบประมาณ แต่ปีงบประมาณ 2553 ไม่ได้ตั้งงบฯไว้ ดังนั้น จะต้องหาทางออกด้วยการแบ่งระยะการใช้เงินออกเป็นช่วงๆ โดยการจัดหาอู่จอดรถนั้น ขมสก.มีอยู่แล้ว 16 แห่ง โดยเป็นของ ขสมก. 7 แห่ง เช่าจากหน่วยงานราชการ 4 แห่ง และเช่าจากเอกชน 5 แห่ง ซึ่งในส่วนของการเช่าเอกชนจะทำสัญญาเช่าซื้อ และจะต้องจัดหาอีก 3 แห่ง โดยการจัดซื้อภายใน 2 ปี ส่วนเรื่องบุคลากรจะทำรายละเอียดเพื่อแจกแจงว่าแต่ละส่วนจะต้องใช้บุคลากรใน การทำงานเท่าใด คาดว่าจะต้องทยอยเกษียณก่อนกำหนดเป็นเวลา 2 ปี
นัดทำแผนสัปดาห์หน้า
ด้าน นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้ากระทรวงคมนาคมจะประชุมหารือเพื่อจัดทำแผนรายละเอียดการจัดเช่ารถ เมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ทั้งการจัดหาอู่จอดรถพร้อมทั้งติดตั้งสถานีเติมก๊าซเอ็นจีวี รวมทั้งแผนเกษียณอายุก่อนกำหนด จำนวน 7,009 คน สำหรับกรณีพนักงานนั้นจริงๆ แล้วตามแผนก็ให้เกษียณอายุก่อนกำหนดจำนวน 7 พันคนมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ไม่ได้เอาออกครั้งเดียวหมด แต่จะค่อยๆ ทำ ล่าสุดมีพนักงานที่สมัครใจลาออกแล้วประมาณ 2,500 คน
"สาทิตย์" ยันเช่ารถเมล์ไม่เอื้อ ภท.
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การผ่านความเห็นชอบโครงการรถเมล์เอ็นจีวีของ ครม.เป็นการอนุมัติแบบมีเงื่อนไข โดยเห็นควรให้แยกประมูลเป็นส่วนๆ เพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบ ไม่ได้เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย แม้ว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์จะเคยออกมาคัดค้าน แต่เนื่องจากการพิจารณาครั้งนี้เป็นการพิจารณาตามการศึกษาของสำนักงาน พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ได้ศึกษาอย่างมีหลักการและเหตุผล ดังนั้น จึงเชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนกรณีที่ 40 ส.ว.แสดงความเป็นห่วงว่าประเด็นนี้อาจจะล้มรัฐบาลได้นั้น ตนยอมรับว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลเป็นห่วง
กมธ.ข้องใจส่อทุจริต 7 พันล้าน
ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎรแถลงว่า มติ ครม.ให้เช่ารถเมล์ 4,000 คัน เป็นการอนุมัติในหลักการแบบมีเงื่อนไข 5 ข้อ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามก่อนเช่ารถมาวิ่งได้เช่น การให้พนักงาน ขสมก. 7,009 คน เกษียณก่อนกำหนด หาอู่และสถานที่เติมก๊าซเอ็นจีวี ซึ่ง ปตท.เคยชี้แจงว่าน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท จึงต้องดำเนินการตา มพ.ร.บ.ร่วมทุนด้วย ซึ่งตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฉบับใหม่ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาไปแล้วนั้น บริษัทที่ได้รับสัมปทานจะต้องเปิดบัญชีพร้อมรายงานรายรับรายจ่ายต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้สามารถตรวจสอบความโปร่งใสด้วย
"กมธ.เคยศึกษาแล้วพบว่า โครงการเช่ารถเมล์มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการทุจริต 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเช่ารถที่แพงกว่าปกติ 3,000 ล้านบาท และค่าซ่อมบำรุงที่แพงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลอีก 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ สศช.ก็เคยอนุมัติโครงการเช่ารถเมล์ยูโรวันและยูโรทู ซึ่งภายหลังพบว่าทั้ง 2 โครงการทุจริตและขาดทุนอย่างย่อยยับ โดยเฉพาะโครงการเช่ารถเมล์ยูโรทู ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่า มีความเสียหายถึง 1,500 ล้านบาท จึงไม่รู้ว่า สศช.คิดอะไรจึงอนุมัติโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีที่เป็นโครงการลักษณะเดียว กันอีก อยากเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการทุกคน อย่าหลอกลวงชาวบ้าน ด้วยการบวกค่าการทุจริตและความเสียหายจากความผิดพลาดในการบริหารเข้าไปในค่า โดยสาร" นายชาญชัยกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น